ก่อนจะไปพูดคุยเรื่องเพลงและหมีพูห์จะขอพูด ความต่างของหนังสองเรื่องนี้ซักหน่อย ตามความตั้งใจแรกที่ดู
ในส่วนตัวคิดว่าตัวบท 30+ โสด on sale มีประเด็นที่ง่าย(อาจจะง่ายเกินไปในบางจุด) ชัดเจน พอเข้าใจได้ รู้สึกเป็นเรื่องเป็นราว แต่มันดรอปตรงนักแสดงและตอนจบที่คาดเดาได้ง่ายเกินไป
บทตากล้องชื่อดังคนนั้น (จำชื่อไม่ได้) มันยังไงไม่รู้ ส่วนเป้อารักษ์แม้จะเหมาะ แต่ก็หลายเรื่องแล้วกับบุคลิกแบบนี้
คาแรกเตอร์ของพลอยกับเสื้อผ้าหน้าผมของเธอมันดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ คือเธอเหมือนเป็นนางแบบมากกว่าตากล้องอาชีพ
ในเรื่องนี้ชอบเจี๊ยบที่สุด เธอเล่นได้ฮาดีจริงๆ^^
สำหรับช่วงท้ายๆของเรื่องอาจจะดูแปลกๆหรือจงใจไปซักนิดกับการที่จืดพยายามจะขี้จักรยานขึ้นทางด่วนไปส่งนางเอกที่สนามบิน ก็รู้ว่าจืดไม่ใช่คนรวย แต่..นั่งรถเมล์มั้ยมีหลายสายเลยที่สุดสายสนามบินสุวรรณภูมิ!!
ตอนจบที่ว่าคาดเดาง่าย เพราะมันเห็นๆว่า ต้องแฮปปี้เอนดิ้ง
ใน 30+ โสด on sale พยายามที่จะใส่บางอย่างลงไปในเรื่องราว เช่นว่าบทสนทนาระหว่างจืดกับคุณตากล้องสุดหล่อ ที่จืดถามว่า "คุณชอบผู้หญิงแบบไหน" คุณตากล้องตอบกลับมาซะยืดยาว ใสมุมที่ผู้หญิงต้องชอบและเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ ในขณะที่จืดต้องการแค่ใครซักคนที่ "กินหมูปิ้งของผม" เรียบๆง่ายๆ
หรืออย่างตอนที่จืดพานางเอกไปไปไหว้พระตรีมูรติ นางเอกขอยาวมาก ในขณะที่จืดขอแค่ประโยคเดียว
หนังพยายามสื่อสารและเปรียบเทียบ นิสัยใจคอและความคิดของตัวละครหลักๆ ที่ชอบที่สุดคือ เรื่องปากกา และดินสอ ราคาที่แตกต่าง ใช้ได้เหมือนกัน แต่ความหมายไม่เหมือนกัน..
จุดไคลแม็กซ์ที่นางเอกจะตัดสินใจ คือเมื่อนางเอกถามตากล้องว่า หมาคุณชื่ออะไร เขาตอบไม่ได้..
มันสำคัญนะสำหรับคนรักกัน เขาจะใส่ใจเราซักแค่ไหน ถ้าหมาของเขาเองเขากับไม่รู้จักชื่อของมัน!!??
ในขณะที่จืด ผู้ชายธรรมดา แต่กลับใส่ใจในตัวเธอมากกว่า รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของเธอได้มากกว่า
ใน 30 กำลังแจ๋ว สับสนในแกนเรื่องมากว่าต้องการสื่อสารอะไร ระหว่างความคิดของผู้หญิงในวัยที่ควรแต่งงานหรือความรักระหว่างวัยที่ผู้ชายอายุน้อยกว่า
ต้นเรื่องเหมือนจะพูดถึงเรื่องความคาดหวังของผู้หญิง และการแต่งงาน มีฉากที่เพื่อนนางเอกคนหนึ่งที่กำลังจะแต่งงาน และพูดกับนางเอกในทำน้องที่ว่า การแต่งงานก็มีเรื่องน่ากังวลนะ ไม่ใช่จะแฮปปี้อย่างเดียว แต่ว่ามันแล้วยังไงเหรอ?? ทำให้นางเอกเริ่มมีความรักในทำนองที่ไม่ได้คาดหวังเรื่องแต่งงานและยอมรับว่าหัวใจตัวเองเอนเอียงให้เด็กหนุ่มซะแล้ว อย่างนั้นรึเปล่า??
ติดใจในคาแรกเตอร์พระเอก หนังจะพยายามสื่อสารว่าแม้จะอายุน้อยแต่เป็นคนจริงจังมั่นคงนะ เพราะการจีบนางเอกไม่ใช่เพราะสนุกแต่หลงรักมานานแล้ว แต่ภาพที่เห็นพระเอกดูเหมือนนักศึกษาปี 1 ขี้เล่นมากกว่าผู้ชายที่เรียนจบและเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจัง
หนังขาดความลึกซึ้งในช่วงเวลาที่พระเอกนางเอกได้ใกล้ชิดกัน อยากรู้จริงๆว่า คุณพระเอกตามตื้อนางเอกอย่างนั้น มีตรงไหนที่เข้าใจความรู้สึกหรือความคิดของเธอบ้าง แค่เพียงแต่ตื้อเพื่อให้เธอรับรักเท่านั้นหรือ??
ดูเหมือนหนังจะพยายามมีมุกเล็กๆ ที่มีความหมายเช่น ใช้หมาที่นางเอกเลี้ยงเป็นสื่อในการส่งสารบางอย่างระหว่างพระเอกกับนางเอก แต่มันไม่ได้ให้ความหมายเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับการพยายามใส่ความหมายในสิ่งของหรือบทสนทนาของ 30+ โสด onsale (ทำไมมันไม่เป็นหมาที่ทั้งคู่แอบเลี้ยงเหมือนกันแต่มารู้ทีหลังอะไรแบบนั้น เหมือนเป็นเรื่องเล็กๆของเรา ที่มีแต่เราที่เข้าใจอะไรทำนองนั้น)
และมันขัดแย้งในความรู้สึกที่ว่า นางเอกรู้ทั้งรู้ว่าแฟนนิสัยแบบไหน แต่ทำไมถึงได้ยังคบอยู่ถึงขนาดซื้อบ้านด้วยกัน???
มีความแตกต่างยังไงกับผู้ชายสองคนที่เข้ามาในชีวิต เพราะทั้งสองคนก็ดูจะไม่ค่อยมีเวลาทั้งคู่ ไม่มีตรงไหนที่บ่งบอกว่าพระเอกจะมั่นคงกับนางเอก เพราะวันๆเขาเจอแต่ทะเลและน้ำมันทำให้เวลาผ่านไปเขาก็เลยยังมั่นคงกับนางเอก ในขณะที่แฟนเก่า เป็นนักบินเจอสาวๆ ตลอดเลยยังหยุดอยู่ที่ใครไม่ได้ มันแสดงถึงนิสัยที่แท้จริงตรงไหน เป็นเพียงวิถีชีวิตเอื้อไปในคนละแบบรึเปล่า???
แต่หนังก็มีความสมจริงอยู่บ้างตรงบุคลิกลักษณะของนางเอก ที่ดูเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการแค่ใครซักคน นางเอกจะสับสนตลอดเวลากับความรู้สึกของตัวเอง (ต้องชื่มชมอั้มจริงๆเพราะเธอแสดงออกได้ดี) แต่ก็ยังคงต้องขอใช้เวลาสักหน่อยในการตัดสินใจว่าหัวใจของเธอต้องการอะไร
(สงสัยอีกอย่างทำไมใบปิดหนังเป็นแบบนั้น นึกว่าหนังจะเกี่ยวกับร้านอาหาร o_O )
สำหรับสองเรื่องนี้ให้คะแนนเท่าๆกัน ใน 30+ มีความไม่พอดีอยู่บ้างแต่ก็ให้อารมณ์ความเป็นหนังมากกว่า ส่วนใน 30 ยังแจ๋ว ไปๆมาๆ เกือบจะคล้ายดูละครไปซะอย่างนั้น
แต่ที่สำคัญนางเอกสวยทั้งคู่!!
กลับมาพูดถึงเพลงประกอบภาพยนตร์ 30 โสด on sale ที่ว่าความหมายลึกซึ้งเหมาะจะเป็นเพลงแต่งงาน มันลึกซึ้งยังไงกัน
เพลงดังขึ้่นในตอนท้ายท้ายเรื่อง
....อย่าเดินนำหน้าฉัน เพราะฉันอาจเดินตามเธอไม่ทัน
อย่าเดินตามหลังฉัน เพราะเราอาจพลัดหลงกันไป
ส่งมือเธอมาให้ฉัน เราจะเดินเคียงข้างกันไป
ให้ทุกวันเป็นวันเวลาของเรา....
ในสองประโยคแรก ทำให้นึกถึง มิตรภาพเล็กๆ เหตุการณ์เล็กๆ ประโยคเล็กๆ ระหว่าง หมีสีเหลื้องกับเพื่อนตัวน้อย
ขณะที่พิกเล็ตเดินตามหมีพูห์ไปต้อยๆรอยเท้าคู่เล็กๆย่ำไปบนหิมะเคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทาง
เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ทั้งคู่คงเดินมาด้วยกันนานพอสมควร
และคงไม่ได้คุยอะไรกันเลย
เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ทั้งคู่คงเดินมาด้วยกันนานพอสมควร
และคงไม่ได้คุยอะไรกันเลย
| |