...โชซอน..300 ปีที่แล้ว
ลีกัคพบตัวเองอยู่ในเล้าไก่แห่งหนึ่ง เมื่อออกมาก็พบว่าเขาอยู่ในตลาด มิใช่พระราชวังหรือในป่าสถานที่สุดท้ายก่อนจากไป ผู้คนรอบข้างต่างพากันมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ในขณะที่เขากำลังงุนงงอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางหนึ่ง
“จับเขา จับเขา”
เป็นโดชิซันที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่น พร้อมกับมีเหล่าทหารวิ่งไล่หลังมา ลีกัคจึงต้องวิ่งหนีไปด้วย ทั้งสองแยกกันหนีจนรอดมา ลีกัคพบโดชิซัน นอนสลบอยู่มีเลือดไหลที่มุมปาก ลีกัครีบเข้าไปดู คิดว่าเขาจะตายจริงๆ
“ชิซัน..นายจะตายแบบนี้ไม่ได้นะ!!”
แล้วโดชิซันก็ยิ้มขึ้นมา ในมือมีซองซอสมะเขือเทศ
“พวกทหารไปแล้วใช่มั้ย...”
ทั้งสองพบกับซองมันโบและวูยองซุลกำลังทานอาหารกันอย่างอร่อย และสวมเสื้อผ้าที่ใช้ในยุคโชซอน วูยองซุลและซองมันโบใช้หมากฝรั่งที่ติดไปจากยุคปัจจุบัน แลกกับอาหาร และบอกว่ามีทหารเต็มเมืองไปหมด กำลังติดตามจับคนที่แต่งตัวประหลาดซึ่งน่าจะเป็นลีกัคและโดชิซัน
ในบ้านขุนนาง มีการพูดคุยกันอยู่ของคนสามคน หนึ่งในนั้นรายงานว่ามีคนพบเห็นรัชทายาทกำลังเข้าวัง อีกหนึ่งโวยวายที่รัชทายาทยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาคิดว่ากำจัดรัชทายาทไปแล้ว อีกหนึ่งในนั้นพูดว่า เมื่อคืนเหล่ามือสังหารคงจะทำพลาดไปเขาจะกลับไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย (และคนคนนี้ ก็คือแทมูในปัจจุบันนั่นเอง..)
ซองมันโบกลับบ้านพบน้องสาวและพยายามสวมกอดนางหลังจากไม่พบกันเป็นเวลานาน แต่นางกลับว่า มันเพิ่งผ่านไปวันเดียวเท่านั้น แม้เหมือนเป็นความฝัน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเรื่องที่เกิดที่โซลนั้น แจ่มชัดกว่าความฝัน โดยเฉพาะกับรัชทายาทลีกัค
รัชทายาทสั่งให้ทหารไปนำตัวทุกคนที่มีความใกล้ชิด เป็นครอบครัวเดียวกับพระชายามาสืบสวน รัชทายาทถามหาบูยอง แม่ของนางบอกว่า นางป่วยมากจึงไม่สามารถมาเข้าเฝ้าได้ รัชทายาทประกาศว่าจะยังทรงสืบสวนเรื่องการตายของพระชายาต่อไป ทุกคนในครอบครัวพระชายาได้ยินแบบนั้นต่างมีสีหน้าเป็นกังวล
7 วันก่อนเกิดเหตุการณ์สิ้นพระชนม์ของพระชายา
บูยองแอบมองตามรัชทายาทอยู่เงียบๆ จนเขาไปอีกทาง นางจึงเดินกลับ แต่ล้มลง รัชทายาทมาพบเข้า เขาเห็นตลับแป้งที่นางทำตก นางบอกว่าเป็นของที่พี่ชายนำมาให้พระชายา เขาถามถึงปริศนาที่ให้หาคำตอบ แต่เธอยังตอบไม่ได้
บูยองนำตลับแป้ง และจดหมายที่พ่อฝากมาให้ เมื่อได้อ่านพระชายามีสีหน้าตื่นตระหนก บูยองยังนำผ้าปักลายดอกบัวและผีเสื้อมาฝากถวายองค์รัชทายาท
เมื่อบูยองกลับถึงบ้านนางพบพ่อกำลังพูดคุยกับใครคนหนึ่ง ท่านพ่อถามว่านางได้มอบแป้งขาวและจดหมายเรียบร้อยหรือไม่
นางถามแม่ว่าคนที่พูดคุยอยู่กับพ่อนั้นคือใคร แม่เล่าว่าเขาคือ แม่ทัพมู เป็นพี่ชายต่างมารดากับรัชทายาท แม่ของเขาถูกถอดยศตั้งแต่เขาอายุได้สามขวบ พวกเขาจึงถูกส่งออกนอกวัง บูยองสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาพักอยู่ที่บ้านนี้ 2-3 วันแล้ว แม่แค่เพียงบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับงานของพ่อ และไล่ให้นางไปพักผ่อน
ในขณะที่ปักผ้า บูยองนึกถึงผงแป้งที่นำไปให้พระชายา จำได้ว่า มันเป็นผงแป้งจากจีน พี่ชายบอกว่าจะมีกลิ่นหอมที่แตกต่างออกไป แต่เมื่อตอนที่สะดุดล้มลงและผงแป้งกระจายออกนอกกระปุกนั้น กลับไม่มีกลิ่นอะไรเลย นางนึกถึงจดหมายที่ท่านพ่อฝากไปกับผงแป้ง บูยองแอบอ่านจดหมายและรีบออกจากบ้าน
ในขณะเดียวกัน ท่านพ่อ พี่ชาย และแม่ทัพมู นั่งพูดคุยกัน ท่านพ่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้รับจดหมาย จึงให้พี่ชายของนางไปเอา เมื่อไปถึงไม่พบบูยอง พบเพียงจดหมายที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แม่ทัพมูได้ยินแบบนั้นจึงสั่งให้ทหารรีบไปตามบูยอง เมื่อพบให้ฆ่าซะ
ในจดหมาย บอกให้พระชายา แอบโรยผงแป้งลงบนลูกพลับแห้ง ตอนที่รัชทายาทไม่ทันรู้ตัว แต่
ในตอนที่รัชทายาทกำลังจะชิมลูกพลับแห้ง บูยองมาถึงและขอเข้าเฝ้า เมื่อเห็นลูกพลับแห้งบนโต๊ะเสวย บูยองกังวลมาก
พระชายา ว่าที่บูยองทำผิดกฎที่ไม่ควรจะเข้าเฝ้ารัชทายาทในเวลานี้ แต่รัชทายาทไม่ว่าอะไร
บูยองอ้างว่า นางไขปริศนาของรัชทายาทได้แล้ว
...อะไรเอ่ย ตายเมื่อมีชีวิต และมีชีวิตเมื่อตาย...
“ทำไมเจ้าถึงตอบว่า มันคือ บูยอง”
“เพราะบูยอง คือดอกบัว และเมื่อดอกบัวตาย จะกลายเป็นเมล็ด และเพื่อจะเติบโต มันจะต้องตายก่อน เป็นสัญลักษณ์และความหมายในเชิงพุทธศาสนา”
รัชทายาทหัวเราะ “ข้าแพ้อีกแล้ว..สินะ”
“เมื่อหม่อมฉันชนะโปรดประทานรางวัลด้วยเพคะ”
“เจ้าต้องการอะไร”
“หม่อมฉันขอพระราชทานลูกพลับแห้งเหล่านี้เพคะ”
รัชทายาทว่านางช่างโง่เขลานัก ที่มีสิ่งล้ำค่ามากมายกลับขอเพียงลูกพลับแห้ง “ได้เจ้ากินมันได้มากเท่าที่ต้องการ”
บูยองค่อยกินลูกพลับแห้งทีละชิ้นๆ จนหมด โดยที่พระชายาไม่เอ่ยอะไร
“ขอพระองค์ จงอยู่อย่างมีความสุขเพคะ”บูยองกล่าวทั้งน้ำตาก่อนจากไป
บูยองพยายามจะไม่ล้มลงในตอนที่เดินออกมา นางกำนัลที่หน้าห้องช่วยพยุงไว้แต่นางบอกว่าไม่เป็นอะไร และถ้าพระชายาถามหานาง ก็ให้บอกว่านางไปที่สระบัว
บูยองพยายามพยุงตัวไปจนกระทั่งถึงสระบัว
พระชายาเฝ้าดูรัชทายาทหลับไปและค่อยๆ ออกจากห้องมาเงียบๆ พระชายารีบวิ่งมาที่สระบัว พร้อมนางกำนัล นางสั่งให้นางกำนัลดับไฟ และรออยู่ด้านนอกเรือนริมสระบัว
ภายในเรือน บูยองกำลังเจ็บปวดกับพิษที่ได้รับ
“เจ้ารู้อะไรมั้ย ครอบครัวเราจะเป็นยังไงถ้ามีคนรู้เรื่องลอบปลงพระชนม์รัชทายาท”
“พระชายา ทำไมทรงทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ ...หม่อมฉันขอร้องอะไรซักอย่าง...ขอจงปกป้องรัชทายาทด้วย”
บูยองบอกเล่าแผนของนาง ให้พระชายาสลับตัวกับนางและทำเหมือนว่าพระชายาทรงจมน้ำตาย ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องลอบปลงพระชนม์ ให้พระชายาละทิ้งตำแหน่งซะ ครอบครัวของพวกนางก็จะไม่มีความผิดไปด้วย
ที่ด้านนอก แม่ทัพมู ได้ฆ่านางกำนัลทั้งสองคนไปแล้ว และเห็นบูยองวิ่งออกมา ( เป็นพระชายาที่สวมชุดของบูยอง)
ในลมหายใจเฮือกสุดท้ายของบูยอง นางซ่อนจดหมายฉบันหนึ่งไว้ที่ฉากหลังเรือนรับรองริมสระบัว และพาตัวเองไปที่สะพานข้ามสระบัว สิ้นลมและตกลงไปในสระบัวนั้น
รัชทายาทนึกถึงภาพวันที่ปาร์คฮาตกลงในในอ่างเก็บน้ำ คาดคั้นพ่อกับแม่ของบูยองว่า ภายในห้องบูยองที่ว่าป่วยนั้น เป็นบูยองจริงหรือไม่ เพราะนางเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา
รัชทายาทจึงทรงสั่งให้ทหารเข้าไปค้นที่บ้าน พบตัวบูยองจริง เมื่อกำลังจะเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก ก็มีกลุ่มโจรชุดดำบุกเข้ามา มีโจรคนหนึ่งยิงธนูโดนรัชทายาทแต่ไม่ทรงเป็นอะไร (ธนูยิงโดนจี้เงินที่ปาร์คฮาให้ใส่ไว้พอดี๊พอดี) วูยองซุลกุมตัวโจรผุ้นั้นไว้ได้
รัชทายาทเปิดผ้าคลุมหน้าบูยองออก ใต้ผ้าคลุมหน้าผืนนั้นเป็น กลับเป็นพระชายา
“ขอทรงอภัยให้หม่อมชั้นด้วย..”
รัชทายาททรงตัดสินความด้วยองค์เอง ทรงสั่งตัดหัว พ่อ และพี่ของพระชายา รวมทั้งแม่ทัพมูด้วย และทรงเนรเทศ พระชายากับแม่ไปยังเกาะร้างที่จะไม่มีวันกลับมาได้อีก
รัชทายาทไปที่สระบูยองและเข้าไปในเรือนรับรองใกล้ๆ นั้น ได้พบจดหมายที่บูยองทิ้งไว้
“ถ้าพระองค์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าพระองค์ทรงปลอดภัย แค่นั้นหม่อมฉันก็เป็นสุขแล้ว มีข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับการตายไปแล้ว คือหม่อมฉันจะได้พูดสิ่งที่เก็บอยู่ในใจเสมอมา...หม่อมฉันรักพระองค์เพคะ...รักเสมอมา...จะเป็นหรือตาย หรือเวลาผ่านไปหลายร้อยปีก็ตามหม่อมฉันก็จะรักพระองค์”
และจากจดหมายนี้เองทำให้รัชทายาททรงคิดอะไรบางอย่างได้ ทรงเขียนจดหมายและเก็บใส่กระบอกอย่างดีแอบไว้ที่ใต้ฐานอาคารที่เคย แอบจี้หยกเล็กๆ ไว้และมอบให้ปาร์คฮาเป็นของขวัญแต่งงาน
...โซล..
ปาร์คฮามาเที่ยวพระราชวังและมาที่อาคารหลังนั้นเธอลองเอามือควานหาบางสิ่งบางอย่างที่ฐาน(ด้วยความหวังเล็กๆ ว่าจะพบอะไรบ้าง) เธอพบกระบอกไม้ไผ่ ปาร์คฮาหยิบกระดาษข้างในออกมาด้วยความตื่นเต้น “ถ้าเจ้ากำลังอ่านจดหมายฉบันนี้อยู่ แสดงว่าจดหมายนี้มีอายุ 300 ปีแล้ว .......ข้าคิดถึงเจ้า....ข้าน่าจะเอ่ยคำรักเจ้ามากกว่านี้ก่อนจากมา...ปาร์คฮาข้ารักเจ้า...”
วันหนึ่งในขณะที่ปาร์คฮาก้มหน้าก้มตาขายน้ำผลไม้(เป็นร้านที่ลีกัคและคนสนิททำไว้ให้) แทยองไปที่นั่นและซื้อน้ำผลไม้ เข้าดูมีความสุขที่ได้พบเธออีก แต่ปาร์คฮาไม่ได้เงยหน้ามามองเลย
....โชซอน...
สามคนสนิทเปิดร้านขายข้าวห่อไข่ปาร์คฮา ซึ่งขายดีมากๆ ยังมีบางครั้งที่พวกเขาจะนำมาถวายและร่วมทานกับรัชทายาท แม้จะมีความสุขที่ได้ระลึกถึงเรื่องราวที่โซล แต่มันก็เศร้าเหลือเกินที่ได้แต่คิดถึงเท่านั้น
...โซล...
ปาร์คฮาได้รับโปสการ์ดที่มีภาพวาดของเธอ พร้อมการนัดพบอีกครั้ง
“ทำไมคุณมาสายครับ ผมรออยู่ตั้งนาน”
“คุณไปอยู่ไหนมาคะ ฉันรออยู่ที่นี่มาตลอด”
....แม้เวลาผ่านไป 300 ปีเต็มแล้วก็ตาม…