ปักกิ่ง - วันที่ 2 ตอนที่ 3 สวนจิ่งซาน อุทยานเป่ยไห่ ถนนคนเดิน Wangfujing


มองกลับไปฝั่งพระราชวังต้องห้าม
เส้นทางเดินหลังออกจากพระราชวังต้องห้าม
Jingshan park ถามว่าเรามาทำไม  ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นแค่สวน ที่นี่เป็นสวน ที่เป็นภูเขา

ประวัติความเป็นมาของ Jingshan ย้อนไปเกือบพันปีที่ผ่านมา เนินเขาสูงสร้างขึ้นในยุคพระเจ้า Yongle ของราชวงศ์หมิง ใช้ดินที่ขุดในการสร้างคูเมืองของพระราชวังและคลองในบริเวณใกล้เคียง

จักรพรรดิฉงเจินผู้ปกครองสุดท้ายของราชวงศ์หมิงได้ฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอตัวเองจากต้นไม้ใน Jingshan ในปี ค.ศ. 1644 (ก็ไม่รู้ตรงจุดไหน ก็หวังว่าเราจะไม่เจออะนะ)   https://en.wikipedia.org/wiki/Jingshan_Park
พระพุทธรูปในศาลา
ด้านบนสุดจะมีศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปให้สักการะ และที่น่าสนใจสุดๆ คือเป็นจุดชมวิวพระราชวังต้องห้ามคะ เราจะเห็นพื้นที่วังทั้งหมดได้จากบนยอดเขานี้คะ
ค่าเข้าชม 2 หยวน
เวลาเข้าชม April to October: 06:00 - 21:00 November to next March: 06:30 – 20:00 
ทางเข้า Jingshan park
ข้ามถนนมาแล้วน่าจะราวๆ บ่ายโมง ก็หิวกันแล้วคะ
ตรงทางเข้าสวน  ทางขวามือจะเป็นที่ซื้อบัตรผ่าน ทางด้านหน้าซ้ายมือจะเป็นร้านขายของชำเล็กๆ
ถ้าผ่านประตูสวนเข้ามาทางขวามือจะมีร้านขายของอีกและมีที่นั่งกินข้าว


มื้อกลางวันสำหรับ 2 คน ข้าว+หมี่ 35 หยวน จำราคาน้ำไม่ได้คะ :P แต่สรุปสั้นๆ ว่ามื้อนี้ไม่อร่อยเลยคะ ด้วยความว่าอากาศมันเย็นก็เลยทำให้อาหารมันเย็นไวด้วยมั้งคะ นอกจากจะจืดๆแล้วมันก็ชืดๆ ด้วย สรุปคือ จืดชืด 555

อาคารด้านล่างก่อนเดินขึ้นเขาจะเป็นพิพิธภัณฑ์ 
แผนที่ทำจากเหล็ก (มั้ง) จะมีแผนที่แบบนี้ตามสถานที่ท่องเที่ยว ที่อุทยานเป๋ยไห่ กับย่าน Shichahai ก็มีแผนที่แบบนี้ >มันเทห์ดีนะ<
 แผนที่นี้แสดงแนวแกนของสถานที่สำคัญในกรุงปักกิ่ง ยาวตั้งแต่หอฟ้าเทียนถาน (ทิศใต้) จนถึงหอกลอง (ทิศเหนือ ย่าน shichahai) ประมาณว่าเป็นเส้นเมอริเดียนของกรุงปักกิ่ง 55
ออกจากพิพิธภัณฑ์ไปทางขวามือจะเป็นทางขึ้นเขา (เห็นแล้วก็แอบทรุด >< เหนื่อยง่า)
ถ่ายรูปมือสั่นเบย

ถึงแล้วจ้าศาลาบนยอดเขา

บอกเลยว่าวิวดีจริงๆคะ แต่คนก็เยอะจริงๆ เหมือนกัน ไม่ค่อยมีใครสนใจไหว้พระกันซะด้วย ทุกคนยกกล้องกันอย่างสนุกสนาน (คนจีนบ้าถ่ายรูปมากนะคะ ไม้เซลฟี่นี่หาซือ้ได้ทุกที่ที่ไป) และด้วยความว่าเราไม่ใช่ตากล้องอาชีพคะ ภาพที่ออกมาก็ประมาณนี้เอง -*-
วิวจากศาลาบนยอดเขา
แต่ถึงแม้ภาพเราจะไม่มืออาชีพ แต่ก็ทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าเราลืม!!! National center for the Performing Arts. ได้แต่มองไกลๆ ที่ปลายฟ้า TT

วิวทางทิศตะวันตก มองเห็นไปถึงเจดีย์ขาวที่อุทยานเป๋ยไห่่

วิวทางทิศเหนือ มองเลยหลังคาสีฟ้าไปไกลๆ จะเห็นหลังคาหอกลอง แท่งสูงๆเล็กๆที่ขอบฟ้านั่นคือ Olympic Park
หลังจากชมวิวหายเหนื่อย  เราก็ต้องไปต่อ ทางตะวันตกของสวนจะมีทางออกซึ่งจะอยู่ตรงกันข้ามกันทางเข้าอุทยานเป๋ยไห่พอดี แต่...คุณแฟนแกกลัวไม่มีทางออกคะ เราเลยวกกลับไปออกทางด้านหน้า ก่อนเดินเลียบถนนไปอีกที ฮ่วย-*-

ถนนทางตะวันออกก่อนถึงทางเข้าของอุทยานจะมีร้านขายขนมประเภทขนมเปียะ ขนมสไตล์จีนๆ หลายแบบ  ผลไม้แห้ง ซึ่งราคาไม่แพง ก็เลือกซื้อหามาชิมกันได้คะ ผลไม้เคลือบน้ำตาลก็มีราคา 4 หยวน แถวนี้ขายถูกสุดเท่าที่เจอมาละคะ ส่วนรสชาติมันก็จะเปรี้ยวๆ เย็นๆ (ตามภูมิอากาศ)  บอกไม่ถูกคะ แต่ที่แน่ๆ ผลไม้สดบ้านเราอร่อยกว่า :P
ผังอุทยานเป๋ยไห่ จะเห็นว่าทะเลสาบกว้างมากๆๆ หย่ายมากๆ  แผนเดิมที่ตั้งใจไว้คือเราจะไปชมเจดีย์ขาวที่เกาะกลางทะเลสาบ แล้วเดินวกขึ้นไปเที่ยวชมทางเหนือของอุทยาน ซึ่งก็มีสถานที่น่าสนใจอีกหลายจุด แถมยังมี ผนัง 9 มังกรแบบในพระราชวังต้องห้ามด้วย เพียงแต่เล็กกว่า แต่ก็อย่างว่าแหละคะ เมื่อคืนเราพักผ่อนมาน้อย และเดินมาเยอะแล้ว แผนเดิมที่จะเดินขึ้นทางเหนือก็เป็นอันยกเลิกไปคะ
เข้าประตูตะวันออกมาแล้วคะ เจดีย์ขาวอยู่ตรงโน้นนนน 

อุทยานเป๋ยไห่ (Beihai Park – 北海公园) ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบเป๋ยไห่ (Beihai Lake) ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม หรือตรงข้ามสวนจิงซานนั่นเองอุทยานแห่งนี้มีจุดเด่นที่สำคัญคือเจดีย์สีขาว (White Pagoda) ตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านบนเนินเขาเกาะหยก (Jade Flower Island) ยอดเจดีย์ขาวนั้น ตั้งอยู่ในบริเวณวัดหย่งอัน (Yong’an Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ (http://www.dplusguide.com/2015/china-beihai-park)
วิวทะเลสาบ
วัดหย่งอัน

วัดหย่งอัน


เจดีย์ขาว
เจดีย์ขาว มองจากทางทิศใต้
อุทยานเป่ยไห่เป็นสวนธารณะของเมือง มีชาวปักกิ่งมาเที่ยวพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนว่าคุณลุงในรูปจะฝึกเขียนหนังสือด้วยน้ำ เดาว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างนึง (ละมั้ง) ส่วนอีกกลุ่มนึงก็จับคู่เต้นรำ จากการแต่งตัวนี่ออกจะไปทางมองโกล (ละมั้ง)
ภาพนี้ เดาซีคืออาไร นี่ห้องนำ้สาธารณะ แลดูสะอาดสวยงามดีน้อ

หลังจากเยี่ยมชมวัดหย่งอัน แล้วเราก็ต้องบอกลาอุทยานเป๋ยไห่ เราเดินย้อนกลับไปทางเดิม (ทิศตะวันออก) ผ่าน พระราชวังต้องห้าม มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แล้วก็จะถึงโรงแรมของเรา เฮ้อ...ได้นอนพักซักที...เอาจริงๆนะ คือทีแรกมาถึงเราควรพักก่อนซัก ชม.สอง ชม. แล้วค่อยออกเที่ยวตามแผนจะได้มีเรี่ยวแรง แต่เราดันกลัวคนจะเยอะ กลัวจะเที่ยวชมพระราชวังต้องห้ามไม่ทัน ไม่ได้พักก่อน ก็เลยต้องเหนื่อยมาก และตกๆหล่นๆ เช่นนี้แล...><

Wangfujing
หลังจากหลับไปหนึ่งตื่น เราก็ฟื้นขึ้นมาด้วยความหิวโหย จากโรงแรมเดินลงไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร  ก็จะถึงย่าน ช้อปปิ้ง ถนนคนเดิน Wangfujing  ซึ่งเป็นแหล่งรวมห้างสรรพสินค้า หลายๆ แห่ง คล้ายๆ สยามบ้านเรา แต่ความจอแจผิดกันมว้ากกกกก ถึงแม้คนจะมาเดินเยอะ แต่ก็ไม่วุ่นวายเท่า เพราะประการแรก ถนนและทางเท้าค่อนข้างเรียบเสมอกันเดินสบาย สอง อากาศไม่ร้อน (ตอนเราไป ค่อนข้างหนาวและลมพัดแรงเลยทีเดียว) 
ร้านค้าขายของฝาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผลไม้แห้งเป็นห่อเล็กๆ ขายเป็นหน่วยกิโล ( 1 กิโล = อีจิน)  หรือครึ่งกิโล
shop i phone ที่นี่หย่าย มี 2 ชั้น เหมือนเป็นคาเฟ่ ให้คนใช้แอปเปิ้ลไปนั่งเล่นกัน

มื้อเย็นวันแรก เราจัดซูชิ รางๆ ในห้าง ราคาไม่แพงนัก รสชาดมาตรฐาน

แล้วก็มาถึงช่วงตรอกคนเดินที่เป็นไฮไลท์ เราจะมาตามหาของกินแปลกๆกัน 

ในที่สุดเราก็ได้เจอฝรั่งบ้างงงงงง ต่างชาติบ้างงงงง
เจอละร้านของกินแปลก 

อันนี้คือแมงป่องจิ๋ว คือ..เราสั่งผิด จริงๆจะสั่งม้าน้ำ แต่ชี้ผิดตัวเลยได้เจ้านี่มาแทน ก็...อร่อยนะอันนี้ ราคา 15 หยวน

ทาด้าาา นี่คือไฮไลท์ที่เราตามหา ปลาดาวย่าง  ราคา 20 หยวน เจ้านี่ ไม่อร่อย..ขมๆ แต่ลองซักทีก็ไม่เสียหายนะ
>>>วันนี้เหนื่อยแล้ว ได้เวลาพัก เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ<<<

ข้อมูลท่องเที่ยวจีน www.travelchinaguide.com
ข้อมูลจิ่งซาน Jingshan_Park
ข้อมูลอุทยานเป่ยไห่ Beihai_Park






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น