ปักกิ่ง - วันที่ 2 ตอนที่ 2 พระราชวังต้องห้าม


หลังจากลอดถนนขึ้นมาก็มุ่งตรงไปหาท่านผู้นำที่เทียนอันเหมิน แอบเห็นผู้คนบนกำแพงประตูเยอะแยะมากมายในใจแอบลังเลๆ ว่าจะขึ้นไปดีมั้ย แต่การจะขึ้นไปนั้นเราต้องเสียค่าเข้าอีกจ้า เท่าไหร่จำไม่ได้ และด้วยความว่ากลัวจะเที่ยวไม่ทันก็เลยไม่ได้ซื้อตั๋วขึ้นไป

มาดูผังกันก่อนเข้าชมพระราชวังต้องห้าม คือตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าเราจะสับสน แต่พอไปจริงๆก็งงเหมือนกัน คนก็เยอะแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ใหญ่โตไปหมด
(อันความใหญ่โตนี้เองที่ผู้ออกแบบคงจงใจสร้างให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ต่อสามัญชนที่เข้าไปจะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของโอรสสวรรค์)


DUANMEN
ถ้านับเทียนอันเหมินเป็นกำแพงใหญ่ๆ จุดแรก พอเราผ่านไป ซ้ายมือจะเป็นทางขึ้นเทียนอันเหมินและจุดซื้อตั๋ว ตอนแรกเราก็งงๆ คิดว่าถ้าเป็นจุดซื้อตั๋วเข้าพระราชวัง แต่ใจก็คิดว่าแถวมันน่าจะเยอะกว่านี้นะ  ซึ่งมันก็ไม่ใช่จริงๆ หลงต่อคิวอยู่พักนึง -*-
เราจะต้องผ่านกำแพงใหญ่ๆ จุดที่ 2 คือ Duanmen ถึงจะเจอจุดซื้อตั๋วพระราชวังเป็นแนวยาว ค่าตั๋วช่วงไฮซีซั่น ที่เราไปก็ 60 หยวน  (April to October: CNY 60, November to the next March: CNY 40 ) สำหรับใครที่ต้องการเช่า Audio Guide (มีแปลไทยด้วยนะ) เช่าได้จากบริเวณนี้ และอีกจุดที่ gate of supreme harmony (ไท่เหอเหมิน) ถ้าจำไม่ผิดน้าคะ :P  
เวลาเข้าชม April to October 8.30-17.00 November to the next March 8.30 - 16.30
จุดขายตั๋วจะปิดก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง
Wumen
ทางด้านซ้ายกับทางขวาของประตูอู่เหมินจะเป็นทางเข้า zhongshan park กับ Imperial ancestral ซึ่งเราไม่ได้แวะไป ไม่แน่ใจว่าเสียค่าเข้ามั้ยนะ ไหนๆ ได้ไปเที่ยวแล้วก็น่าจะได้ไปทั่วๆ แอบเสียดายนิดๆ
ทางเข้า Imperial ancestral temple

เข้าพระราชวังมาแล้วจ้า เดินข้ามสะพานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม 5 ประการมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตรงหน้าเราคือไท่เหอเหมิน แปลตรงตัวได้ว่า ประตูแห่งความสามัคคี ลานที่เรายืนอยู่นี้มี "แม่น้ำทอง" ไหลผ่าน และสะพานหินอ่อนสีขาว สะพาน 5 สะพาน แทนความดีงาม 5 ประการ ได้แก่ เมตตาธรรม มโนธรรม จริยธรรม สัตยธรรม และปัญญา
(แอบเดินตามทัวร์ไทย ^^)
ลานหน้าไท่เหอเหมิน และแม่น้ำทอง (ยืมภาพมาจากกูเกิ้ล)
แม่น้ำทองและสะพานหินอ่อน (ยืมภาพมาจากกูเกิ้ล)
ถ่ายภาพสิงโตเฝ้าประตู แต่อาซิ่มคนนี้ ขโมยซีนมาก -*-
ภาพ Wumen ถ่ายจากไท่เหอเหมิน กำลังซ่อมผนังอยู่ และผู้คนที่มากมาย จนกลืนสะพานหินอ่อนหายไป

ผ่านไท่เหอเหมินมาจะเข้าสู่พระราชฐานชั้นนอก ประกอบด้วย ตำหนักไท่เหอ ตำหนักจงเหอ และตำหนักเป่าเหอ
พระตำหนักไท่เหอ
พระตำหนักไท่เหอ เป็นตำหนักด้านหน้าที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในพระราชวังหลวง ตั้งอยู่บนแท่นหินหยกขาวยกพื้นสูง 2 เมตรเศษ ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นเมฆ มังกร และหงส์ สร้างในปีค.ศ. 1420 สมัยของพระเจ้าหย่งเล่อ  ตรงกลางมีบัลลังก์มังกรสีทอง(มังกร 5 เล็บ สัญลักษณ์ของฮ่องเต้อันสูงส่ง) (ในจุดไม่สามารถเบียดเสียดผู้คนเข้าไปถ่ายรูปได้ -*-) ใช้เป็นสถานที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการแผ่นดินรับการเข้าเฝ้าจากขุนนางขุนศึก ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและอาคันตุกะชาวต่างต่างประเทศ หลังคามุงกระเบื้องสีทอง(สีเฉพาะของฮ่องเต้เท่านั้น)

พระตำหนักจงเหอ
พระตำหนักจงเหอ  เป็นตำหนักหลังที่ 2 อยู่ด้านหลังตำหนักไถ่เหอ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมียอดแหลม ใช้เป็นสถานที่พักรอก่อนออกว่าราชการแผ่นดิน รับการรายงานจากข้าหลวงชั้นใน รวมทั้งพิธีการจัดงานเข้าเฝ้า หากมีงานพิธีแต่งตั้งพระราชินีและจัดงานใหญ่ในพระราชวังจะต้องตรวจเอกสารความเรียบร้อยของงาน ณ ตำหนักแห่งนี้ล่วงหน้า 1 วัน 
พระตำหนักเป่าเหอ




พระตำหนักเป่าเหอ เป็นตำหนักหลังที่ 3 อยู่หลังตำหนักจงเหอ เป็นตำหนักใหญ่ มีพื้นที่เท่ากับตำหนักไท่เหอ ภายในมีบัลลังก์ก่อสร้างโดยไม่มีเสาแถวที่ 2 ทำให้ห้องโถงด้านหน้าท้องพระโรงกว้างขึ้น ไม่บังสายพระเนตรพระองค์ฮ่องเต้ ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองบรรดาหัวหน้าชนเผ่ากลุ่มน้อยต่างๆทุกปี ในวันที่ 30 เดือน 12 (วันสิ้นปีของจีน) หรือพิธีอภิเษกสมรสของฮ่องเต้หรือโอรสธิดา 
มาถึงในสมัยพระเจ้าเฉียนหลงใช้ที่นี่เป็นสถานที่สอบจอหงวน องค์ฮ่องเต้เป็นผู้ออกข้อสอบและคุมสอบด้วยพระองค์เอง โดยสอบในห้องท้องพระโรงแห่งนี้

(สีหน้านายแบบบอกได้ว่า เหนื่อยมาก พามาดูอารายที่นี่เนียะ :P)

อ้อมพระตำหนักเป่าเหอ ก็จะสิ้นสุดเขตพระราชฐานชั้นนอก เข้าสู่พระราชฐานชั้นใน จากจุดนี้เราจะเห็นจิ่งซานและเจดีย์ขาวที่อุทยานเป่ยไห่ อยู่ไกลๆ ที่ขอบฟ้า คือบอกเลยว่าใจนี่อยากจะรีบๆ ไปเพราะเพลีย จะได้รีบกลับโรงแรม 555
แต่ถ้าหากใครมีกำลังวังชาดีสภาพร่างกายพร้อม จะเดินเล่นไปทางปีกตะวันออกกับตะวันตก ตามตำหนักเล็กๆ จะถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องใช้เครื่องนุ่งห่มของฮ้องเต้และชาววัง เดินชมจนทั่วพร้อมกับดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ ก็จะคุ้มค่าเข้าฝุดๆ :P

เฉียนชิงกง เป็นตำหนักด้านหน้าของวังใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้ เพื่อตรวจเอกสารลงพระนามอนุมัติราชการแผ่นดินประจำวัน
เข้าสู่พระราชฐานชั้นใน ดีใจมากเห็นเก้าอี้ รีบนั่งเลยๆ เท่าที่สังเกตคนที่นี่ยืนและเดินกันเก่งมาก ขนาดว่าเขามีที่นั่งให้ตามทางซึ่งมีไม่มาก ยังไม่ค่อยมีคนนั่ง อากง อาม่า ก็ยังคงเดินๆๆ และเบียดๆ กันเข้าไปดูพระที่นั่ง
นั่งหายเหนื่อยซักพักเราก็โซซัดโซเซไปทางขวา (ตะวันออก) ของพระราชวัง เดาว่าน่าจะเป็นห้องพักตำหนักเล็กตำหนักน้อยของ บรรดาเชื้อพระวงศ์ หรือนางสนม รึเปล่า? แต่ปัจจุบันถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ Hall of Art and Craft of Ming and Qing dynasties

ซึ่งถ้าเดินไปทางตะวันออกเรื่อยๆ ก็จะมีทางแยกไป the Palace of Tranquil Longevity ซึ่งจะมีกำแพงที่ตกแต่งด้วยภาพมังกร 9 ตัว The Nine Dragons Screen  แต่...เราไมไ่ด้ไป -*- 


สวนท้ายพรราชวัง
สวนท้ายพระราชวัง
เดินทางมาถึงส่วนสุดท้ายของพระราชวังแล้ว เป็นอุทยานท้ายวัง ตรงจุดนี้ก็จะมีพื้นที่ขายของฝากของที่ระลึก ห้องน้ำ

พระราชวังต้องห้ามเนียะกว้างมากๆ มีทั้งปีกซ้ายปีกขวาที่เราไม่มีแรงเดินไปเที่ยวชม ถ้าใครที่รักประวัติศาสตร์จริงๆ ก็ต้องไปให้ทั่วพร้อมเช่า audio guide หรือหาคู่มือมาเลยจะได้ทั้งชมและได้ความรู้ด้วย ส่วนตัวถ้ามีโอกาสไปอีกจะอุทิศเวลาให้ทั้งวันไปเลยคะ  ครั้งนี้รีบร้อนไปหน่อยคะ ไม่ค่อยคุ้มเลย ><

หลังจากนั้นออกประตูหลังไป มองไปฝั่งตรงกันข้ามก็จะเป็นทางเข้า จิ่งซานปาร์คพอดี ติดตามตอนต่อไปคะ :P

ประตูท้ายพระราชวัง
ภาพนี้แถม เอามาจากกูเกิ้ล งามมากจริงๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น