รีวิว/สปอยล์ : The girl on the train (2016)


หนังเดินเรื่องโดยใช้มุมมองหลักของ ราเชล (Emily Blunt) เป็นคนเล่าเรื่อง บอกเล่าเรื่องราว ความเกี่ยวพันกันระหว่างผู้หญิง 3 คน และผู้ชาย 3 คน แน่นอนว่าเป็นเรื่องชู้สาวและฆาตกรรม
ราเชล ติดเหล้าอย่างหนัก ทำให้จำเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธอเมาได้อย่างไม่ชัดเจนนัก เป็นช่องโหว่ที่ทำให้ทอม (จัสติน เทอรู) สามีเก่า  เล่าถึงสิ่งที่เธอทำว่าแย่แค่ไหน เป็นผลทำให้ชีวิตคู่ต้องพังทลาย  
ราเชลยังฝังใจกับชีวิตคู่ และบ้านหลังที่เธอใช้ชีวิตร่วมทอม จึงชอบนั่งรถไฟผ่านไปอยู่เสมอ พลอยทำให้เธอสังเกตเพื่อนบ้านไปด้วย ในสายตาราเชล เมแกนและสกอตต์ เป็นคู่สามีภรรยาที่น่ารักในแบบที่ราเชลคงจะมีไม่ได้ เธอหวนนึกถึงชีวิตคู่ของตัวเอง และโทษตัวเองอยู่เสมอที่มีพฤติกรรมแย่ๆ และมีลูกไม่ได้ โดยหลงลืมและมองข้ามพฤติกรรมเจ้าชู้ของทอม
เมแกน (เฮลี่ เลนเน็ต) และ สกอตต์ (ลูค อีแวนส์) ย้ายบ้านมาอยู่ย่านเดียวกับบ้านของราเชลและทอมได้ไม่นาน เมแกนรู้สึกจำเจกับชีวิตที่เมืองนี้ เมแกนพูดคุยกับ ดร.แอบดิค นักจิตบำบัดอยู่เสมอ และชอบยั่วเขาด้วย  เธอรับเป็นพี่เลี้ยงเด็กและช่วยงานแม่บ้านให้กับ แอนนา (รีเบคก้า ฟูเกอร์สัน) ภรรยาใหม่ของทอม (ทั้งๆ ที่แอนนาก็ไม่ได้ทำงานนะจะมีพี่เลี้ยงเด็กทำไม??) อยู่ดีๆ วันนึงเธอก็พูดกับแอนนาว่าเธอจะไม่เลี้ยงเด็กแล้ว เธอจะไปทำงานที่แกลลอรี่ ซึ่งหลังจากนี้ไม่นานเธอก็หายตัวไป


ด้วยความหวังดี และว่างงานของราเชล เธอจึงไปบอกสกอตต์ เรื่องที่เธอเห็นเมแกน อยู่กับผู้ชายคนอื่น ขณะที่เธอนั่งรถไฟผ่าน (ปมหนังก็เริ่มจากตรงนี้แหละตามชื่อเรื่อง The girl on the train) การติดต่อกับสกอตต์ทำให้เธอต้องไปวนเวียนอยู่ใกล้กับบ้านเก่าของเธอและทอม ทำให้แอนนาเกิดความระแวง 
การหายตัวไปของเมแกน ผู้ต้องสงสัยคนแรกคือ ดร.แอบดิค และคนที่สองคือ สกอตต์ สามีของเธอ ที่มีพฤติกรรมส่อถึงความรุนแรง
ราเชลพยายามจะค้นหาความจริงด้วยการไปพบ ดร.แอบดิค นักจิตบำบัด (ซึ่งในระหว่างที่พูดคุยกันนั้นทำให้เราเข้าใจราเชลมากขึ้น เธอต้องทนทุกข์กับความรู้สึกผิด ที่เธอเองไม่มั่นใจ เป็นผลจากการติดเหล้าทำให้ความจำของเธอไม่ปะติดปะต่อ) และจากความพยายามในที่สุดราเชลเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรตัวจริง


สำหรับคนที่ชอบหนังแนวลึกลับสืบสวนน่าจะชอบหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย การดำเนินเรื่องน่าติดตามค่อยเป็นค่อยไป อาจจะไม่โฉ่งฉ่างลุ้นตับแลบ แต่ก็ไม่ได้เอื่อยเฉื่อยจนน่าเบื่อ
ต้องชื่นชมการแสดงของ เอมิลี่ บลันท์ ที่ถือว่าเอาอยู่ ดูเหมือนคนทนทุกข์ที่เกือบๆ บ้าได้ดีมากจริงๆ บวกกับฉากเซ็กซี่ของสาวเฮลี่ ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ถือว่าน่าดูมากจริงๆ :P