แรมโบ้

พอดีไปได้หนังแรมโบ้ครบทุกภาคมาดูพอจบภาคแรกก็เลยไปขุดหาเรื่องย่อมาอ่านก่อนจะดูภาคอื่นๆ ต่อไป รวบรวมมาจากหลายแหล่งที่มานะจ้ะ ^^

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B9%89

ภาพยนตร์ชุดแรมโบ้ สร้างมาแล้วทั้งหมด 4 ภาค ตามลำดับดังนี้

ที่มาของแรมโบ้
จากบทประพันธ์ของเดวิด มอร์แรล แรมโบ้มีชื่อจริงว่า จอห์น เจมส์ แรมโบ้ (John James Rambo) หรือ จอห์น เจ. แรมโบ้ เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ที่เมืองโบเวีย รัฐแอริโซนาประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นชาวอเมริกันเผ่าพันธุ์นาวาโฮ โดยพ่อและแม่ของเขามีเชื้อสายเยอรมัน แรมโบ้จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมแรงค์ฟอร์ด (Rangeford High School) ในปี พ.ศ. 2508 และเขาก็ได้สังกัดอยู่ในกองทัพของสหรัฐอเมริกาเมื่ออายุ 18 ปี ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2509 เขาได้ออกศึกในสงครามเวียดนามในเดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2509 และกลับมาที่กองทัพอีกครั้งในปี พ.ศ. 2510 และถูกฝึกอยู่ในกองทัพพิเศษ (Special Forces) ที่รัฐนอร์ท แคโรไรนา ถึงปี พ.ศ. 2512 แล้วกลับไปรบที่สงครามเวียดนามอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. 2514 ต่อมาเขาถูกจับโดยกองทัพของเวียดนามเหนือ ใกล้กับชายแดนของจีน-เวียดนาม และถูกกักตัวไว้ในค่ายของเชลยสงคราม ที่ที่เขาและทหารเชลยคนอื่นๆ ถูกทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า แรมโบ้สามารถหนีออกจากที่กักขังได้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2515
แรมโบ้ได้รับเกียรติยศต่างๆ และได้ออกจากกองทัพเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2517

เรื่องย่อแรมโบ้ (ขออนุญาตตัดข้อความมาจากเวปนี้ http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=357736 เขียนดีมีความฮา^^)
อันชายชื่อSylvester Stallone เมื่อครั้งยุค70 เค้าโด่งดังอย่างมากมายในบทของนักมวยตกยากนาม Rocky Balboa ในหนังเรื่อง Rocky จนหนังเรื่องนี้เอาชนะรางวัลออสก้าร์ประจำปี 1977 สร้างชื่อให้กัยท่านคนนี้มากมายแต่ในเมืองไทยกับหาไม่ เค้ามิได้โด่งดังสุดๆในเรื่องนี้ แต่หากเป็นเรื่องนี้ต่างหาก


First Blood อันเป็นนิยายของเดวิด มอร์เรล ซึ่งได้ชื่อมาจากแอปเปิ้ลยี่ห้อนึง ที่เผอิญคำว่าRamboแปลในความหมายภาษาญี่ปุ่น ดันไปตรงกับคำว่าความรุนแรงในตอนแรกนั้นFirst Blood โดนค่ายกระต๋ายเสพแครอทสุดกวน Warners Bros. เล็งไว้ โดยในตอนแรกมีการคัดเลือกนักแสดงบทนี้ไว้เยอะพอควร เช่น Clint Eastwood, Steve McQueen, Al Pacino และบทเกือบจะมาได้กับDustin Hoffman และผู้กำกับอย่าง Mike Nichols ก็พร้อมจะกำกับ แต่ไฉนเลย คุณท่าน Hoffman ไม่เอา เพราะหนังมีความรุนแรงมากไป ผู้กำกับเห็นเช่นนั้นเลยบ๊ายบายไปอีกคน

ในฉบับนิยายจริงๆ แรมโบ้จะเป็นคนคลั่งที่กลับมาจากสงครามเวียดนาม ไล่ฆ่าตำรวจนะครับ

จนMario Kassar กับ Andrew G. Vajna เจ้าของค่ายหนังบ้าแอ็คชั่นสมัยนั้นอย่าง Carolco ก็มาได้สิทธิ์ไป และเล็งJohn Travolta ไป แต่ก็ได้รับคำปฎฺเสธไปอีก (หนังอาถรรพ์ดีวุ้ย) จนในที่สุด บทก็มาตกที่ป๋าสตอลโลน แต่ป๋าแกเป็นคนช่างเจรจายิ่งนัก เพราะป๋าจะเอาค่าตัว3.5ล้าน ทางผู้สร้างช่วงนั้นคงไม่มีตังค์กินมาม่า จึงได้บอกไปว่า 2ล้านได้ไหมเฮีย แล้วอีก5แสนไว้ขายลิขสิทธิ์ทางทีวีแล้วจะมาจ่ายให้ ป๋าสตลอโลนพยักหน้า ลุกขึ้นจับมือ โปรเจคหนังจึงเริ่มต้นขึ้น!!!

ใครเคยดูจำได้ว่าท่านผู้พันพ่อแรมโบ้Samuel Trautman นั้น ในความจริงแล้วเล่นโดยKirk Douglas ขอรับท่านๆทั้งหลาย แต่คุณท่านถอนตัวตอนถ่ายฉากจบหนัง...........

อันเนื่องจากว่า ทางผู้สร้างได้ทำการเปลี่ยนฉากจบ ในความจริงนั้นฉบับนิยาย แรมโบ้ต้องตาย เพราะฆ่าตัวตายครับผม 
แต่เนื่องด้วยว่า การฉายรอบทดลอง หนังหดหู่มากๆ ทางผู้สร้างจึงยอมเปลี่ยนฉากจบ แต่ป๋าDouglas ไม่ยอมรับ ป๋าแกหนีไปเลย จนทีมสร้างปวดกบาล ต้องดึงRichard Crenna มาเล่นแทน

ยังๆ หนังเรื่องนี้ปัญหามันยังไม่จบครับ พอหนังเสร็จสมบูรณ์ มีคนไม่พอใจกับฉบับนี้มาก นั้นคือ ตัวป๋าสตอลโลนเอง เพราะหนังมันเน้นตัวเค้ามากเกินไป เค้าถึงขั้นบอกว่าเค้าจะซื้อฟิล์มนี้ไปเผาทิ้งกันเลยทีเดียว ทางทีมงานเจรจาบอก "หยุดก่อนสตอลโลน เผาไปก็เปลืองฝืนไฟ เอางี้ เดี๋ยวจะเปิดเจรจาให้" สตลอโลนแกก็บอกว่าให้เน้นตัวอื่นนอกจากเค้าบ้าง และทีมงานก็น้อมรับ จนเป็นหนังที่คุณเห็นทุกวันนี้ และเป็นต้นแบบหนังแอ็คชั่นดราม่าในยุคหลัง ที่ไม่ได้เน้นพระเอกต่อไป

First Blood :

มาพูดถึงหนังFirst Blood กันดีกว่าเนอะ
First Bloodว่าด้วยพลทหาร จอห์น แรมโบ้ วีรบุรุษสงครามเวียดนาม กลับมาเยี่ยมเพื่อนบ้าน แต่เค้าถูกนายอำเภอ ทีเซล แกล้งจับยัดข้อหา และตำรวจรุมซ้อมแรมโบ้จนแรมโบ้เกิดโทสะ ไล่กระทืบตำรวจและเผ่นเข้าป่า ทีเซลเห็นเช่นนั้นจึงอยากลองถั่วดำ เอ๊ยไม่ใช่ ไปตามแรมโบ้ แต่ขอโทษฮะ แรมโบ้อยู่ป่าก็คือฐานทัพเค้านั้นเอง ทีเซลก็พบว่า เค้ากำลังเล่นกับใครออยู่ การล้างแค้นของแรมโบ้จึงเริ่มต้นขึ้น!!!!

ขอบอกก่อนว่า First Blood คือหนังแอ็คชั่น-ดราม่า ฉะนั้นฉากบู๊หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีมากมายอย่างที่คุณรู้กัน ส่วนใหญ่จะเน้นการลอบฆ่าของแรมโบ้มากกว่า แต่ในภาคนี้สิ่งที่หลายๆคนลืมไปอย่างน่าเสียดายคือ ความดราม่าที่หนักพอควร เล่าถึงชีวิตของทหารผ่านศึกที่กลับมาบ้าน ไม่ได้รับการต้อนรับจากใครทั้งสิ้น ทั้งๆที่เค้าพบกับความโหดร้ายมากกว่าที่พวกประท้วงโหวกเหวกซะอีก ฉะนั้นฉากสุดท้ายนั้น เรียกได้ว่าเรียกน้ำตากันได้เลยทีเดียว เพราะแรมโบ้เปิดเผยหมดเปลือกกับผู้พันTrautman ว่าเค้าไม่ได้อยากไป เค้าต้องเห็นเพื่อนตายต่อหน้า แล้วเค้ากลับมาโดนการต้อนรับแบบนี้ เป็นใครก็บ้าฮะ แรมโบ้ภาคนี้จึงเป็นแรมโบ้ภาคที่ดีที่สุด ในแง่คุณภาพหนัง ผมชอบภาคนี้มากตรงฉากสุดท้ายที่สะเทือนใจพอสมควร

หนังทำรายได้ไป47ล้าน จากทุนสร้าง17ล้าน ถือว่ากำไรพอตัว แล้วทีนี้ การส้รางภาคต่อจึงเกิดขึ้น ทีนี้แหละครับ ตำนานชายชื่อแรมโบ้จึงเกิดขึ้น
Rambo : First Blood Part2

อันเนื่องจากความสำเร็จพอใช้ได้ของภาคแรก การเกิดภาค2จึงเกิดขึ้น และภาคนี้คือ ภาคที่ประสบความสำเร็จที่สุด เพราะกวาดรายได้ไปเต็มๆถึง140ล้าน ทั่วโลกโซ้ยไป300ล้าน (เคยฟังรายการวิทยุนานมาแล้ว สมัยSpy Kid 3D ฉาย บอกว่าหนังเรื่องSpy Kid คือหนังทำเงิน100ล้านเรื่องแรกของสตอลโลน......... ปัจจุบันอยากเอาชามก๋วยจั๊บไปตบบ๊องหูดีเจจริงๆ ทำเอาตูโง่ซะนาน)

รื่องภาคนี้อันเนื่องมาจาก
หลังจากภาคแรก แรมโบ้โดนจับเข้าคุกไป ผู้พันTrautman ได้มาตามตัวแรมโบ้ ในไปเวียดนาม ไปถ่ายรูป (??) ค่ายกักกันเชลยศึกที่เหลืออยู่ แรมโบ้รับทราบ บุก!!!! แต่ตอนขึ้นเครื่องบิน กลับโดนหักหลังซะงั้น......ฉะนั้นจากถ่ายรูป เป็นไปช่วยแทน แน่นอนป๋าแรมโบ้ไม่ได้เกิดมาเพื่อถ่ายรูป เค้าเกิดมาเพื่อ!!!!!สงคราม!!!!

ภาคนี้โดยส่วนตัวผมชอบที่สุด ในความสนุกสะใจมากมาย พร้อมทั้งเปิดเผยความแกร่งของแรมโบ้ชนิดเหนือคน ผู้ที่ทำป่าเป็นกับดักได้ แล้วเป็นการเริ่มต้นอาวุธไม้ตายสุดยอดของแรมโบ้ นั้นคือ ธนูหัวระเบิด!!! ภาคนี้ผมดูกี่รอบก็ยังรู้สึกมันส์ครับ ฉากแอ็คชั่นทำถึงใจจริงๆ ดราม่ามีบ้างตรงที่แรมโบ้เคียดแค้นที่เค้าโดนทรยศจากฝ่ายตัวเอง ฉะนั้นฉากที่เค้ายิงถล่มฐานฝ่ายตัวเองในตอนท้าย สร้างความสะใจยิ่งนักความจริงฉากบู๊ ระเบิดกระท่อม เอามีดเฉือนคอนั้น ได้ป๋า James Cameron มากำกับคิวบู๊ให้ จึงเห็นคิวบู๊วินาศสันตะโรได้ขนาดนี้นั้นเอง

อันเนื่องจากรายได้สุดแสนจะประทับใจขนาดนี้ มิรึฮอลลีวู้ดจะหยุดสร้าง ไม่มีทาง!!!!

Rambo3

อันเนื่องจากรายได้สุดสวยงามของภาค2 ภาค3จึงเกิดขึ้น ใครดูหนังโรงสมัยนั้นคงตื่นตาที่หนังระดับนี้ถ่ายทำในเมืองไทยเป็นแน่แท้ แต่ว่าคุณภาพหนังล่ะ......

ภาคนี้ว่าด้วย แรมโบ้หนีไปไทย ไปสร้างวัด แต่จนแล้วผู้พันTrautman ก็สโตกเกอร์ตามจนเจอ (หรือว่าผู้พันกะงาบแรมโบ้!!! ยาราไนกะ) ให้ไปตามหาเฮลิคอปเตอร์ที่หายไป แรมโบ้บอกไม่เอาแล้ว อั๊วเข้าทางสงบแล้ว ผู้พันTrautman งอน ไปหาคนเดียวก็ได้ว้า แต่ด้วยความที่ว่า เค้าไม่ใช่แรมโบ้!!! จึงโดนจับไปซะงั้น ร้อนถึงคนส่งข่าวมาบอกแรมโบ้ แรมโบ้เขวี้ยงค้อนตอกวัด ถือมีดไปหาผู้พันแสนรัก ณ อัฟกานิสถาน........

แรมโบ้ คือชายผู้ที่เน้นลอบฆ่า แม้ภาค2จะบู๊บ้าง แต่นี้มัน!!! แรมโบ้ถือปืนตะลุยทหาร เทพมากครับ พี่แกไม่ลงไม่ลอบ แล้ว ถือปืนลุยกระจุย ประมาณ ยิงแมร่งเลย!!!!! ฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่สมทุนสร้างครับ ยิ่งกว่านั้นภาคนี้ยังสร้างเทรน แรมโบ้ถล่มคอปเตอร์ด้วยธนูมาแล้ว.......แต่ฉากแอ็คชั่นเอามันส์อย่างเดียวครับ มันไม่เน้นความตื่นเต้นแบบภาค2ซะแล้ว ฉะนั้นจึงไม่แปลกฮะถ้าบอกว่า ภาคนี้ผมชอบน้อยที่สุด

ทุนสร้างทุ่มสุดตัวถึง63ล้านเหรียญ แต่ได้คืนมา 53ล้าน เจ๊งนะคร๊าบบบบบบบบบบ จากนั้นแรมโบ้ก็จากไป นานมาก มาก มาก
มากถึง20ปี 
Rambo4 : นักรบพันธุ์เดือด

20ปี สตอลโลนก็เอาร่างอันอ้วนท่วมสมบูรณ์(ด้วยกล้ามหรือไขมันไม่แน่ใจ) กลับมากับบทนี้อีกครั้ง!!!!
เนื้อเรื่องไม่มีอะไรครับ คุณอ่านดรื่อย่อก็พอเดาได้แหละว่ามันจะมาทางไหน แต่สิ่งที่สตอลโลนทำมาได้อย่างยอดเยี่ยม (ลืมบอก ภาคนี้สตอลโลนทั้งกำกับและเขียนบทนะครับ) คือการถ่ายทอดความโหดร้ายของพม่าออกมาได้น่ากลัวจริงๆ ฉากแต่ละฉากที่เกี่ยวกับพม่าดูโหดร้าย และป่าเถื่อนมาก ถึงผมคิดบ้างว่า มันอาจจะโม้ตามหนัง แต่ก็ทำให้ผมกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพม่าได้จริงๆ ทั้งโจรทางทะเล ทหารชายแดน โดยเฉพาะเกมพนันชีวิต กดดันผมมากถึงมากที่สุดจริงๆ(แต่ไม่เท่าThe Mist.......) แต่พูดตรงๆฮะว่าหลังดู ไปถามเพื่อนหลายคนที่รู้เรื่องแนวๆนี้ บอกว่า สตอลโลนถ่ายทอดได้คล้ายของจริงมากๆ แสดงว่าแบบนี้ พม่าก็คือนรกบนดินชัดๆ!!! (ไม่แปลกที่พม่าแบนเรื่องนี้ และชาวพม่าหลายคนตามหาหนังเรื่องนี้มาดูให้ได้...)


สรุป ใครชอบหนังแอ็คชั่นโหดสะใจ น่าจะไปดูครับ หนังทำได้ไม่น่าผิดหวัง ชอบมากคือการถ่ายทอดพม่าออกมาได้น่ากลัวจริงๆ ผมชอบภาคนี้รองจากภาค2ฮะในแง่ส่วนตัว แต่ในแง่คุณภาพหนัง ผมก็ชอบรองจากภาค1 ฮะ
เกรด B+

เกรดเล็กๆของRambo4 ใครดูแฟนพันธุ์แท้หนังแอ็คชั่น คงจำกันได้คำถามสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ที่ถามว่า หนังเรื่องที่ลงกิเนสบุ๊คว่ารุนแรงที่สุด ซึ่งก็คือRambo3 ที่มีคนตายถึง 108 ศพ ฉากรุนแรง 221 ต้องเก็บเสื่อกลับบ้านแล้วครับ เมื่อRambo4 มีคนตายถึง236 ศพ เฉลี่ยแล้วมีคนตาย 2.59 คนต่อ 1 นาที........

The Amazing Spider-Man 2 (2014) ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า (สปอยล์)

-นายน้อย- http://nicesmilememo.blogspot.com/

ก่อนจะไปดูเรื่องนี้ได้ยินกระแสไม่ค่อยดีมาบ้าง เช่นว่า บางจังหวะหนังช้าเนิบนาบ แต่หลังจากที่ได้ดูคิดว่าใช้ได้นะ
ภาพรวมของสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นนี้ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เหมือนอาหารที่อร่อยแล้วแต่ถ้าเติมอะไรอีกนิดนึงจะเต็มอิ่มมากๆ
ส่วนตัวชอบในคาแรกเตอร์ของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในเวอร์ชั่นนี้มากกว่า ที่ยังคงความเรียนเก่งของปีเตอร์ไว้ แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็มีความโลดโผนได้มากพอจะกระโดดไปมาระหว่างตึกได้ ยังคงมีความอ่อนไหว ทะเล้นเหมือนวัยรุ่น แม้จะอมทุกข์แต่ก็พยายามค้นหาความสุขของตัวเอง



สไปเดอร์แมนภาคนี้ พูดถึงคน 3 คน ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์, แม็กซ์ หรือ อิเล็คโตร, แฮรี่ ออสบอร์น 
ปีเตอร์ผู้สับสน แม็กซ์ผู้โดดเดี่ยว และแฮรี่ผู้สิ้นหวัง

สำหรับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในภาคนี้ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลุงของปีเตอร์ได้ทุเลาเบาบางลงแล้ว แต่การตายไปของพ่อ ของเกว็น สเตซี่ กลับทำให้ปีเตอร์จมอยู่กับความสับสน เขาและเกว็นยังคงรักกันดีแต่การเป็นสไปเดอร์แมนของเขาอาจทำให้คนใกล้ชิดต้องรับอันตรายไปด้วย ในทุกครั้งที่มีการต่อสู้ปีเตอร์จะเป็นภาพพ่อของเกว็น อยู่เสมอ  ซึ่งความสับสนนี้เองที่ทำให้เกว็นตัดสินใจบอกเลิกกับปีเตอร์ แต่การไม่มีเกว็นกลับทำให้ปีเตอร์เหมือนพบกับทางตันและขาดความหวัง ในขณะที่ภาพของสไปเดอร์แมนทำให้ผู้คนมีความหวัง 


แมกซ์(เจมี่ ฟอกซ์) ช่างไฟฟ้าในบ.ออสคอร์ป ผู้ไม่เคยอยู่ในสายตาใครประสบอุบัติเหตุหล่นลงในตู้เลี้ยงปลาไหลไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการทดลองทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ไฟฟ้าในนามว่า อิเล็กโตร ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใครสนใจเขา และสไปเดอร์เดอร์แมนที่เคยช่วยชีวิตเขากลับจำเขาไม่ได้ ทำให้เขาทำลายเมืองและพยายามจะทำร้ายสไปเดอร์แมนด้วย



แฮรี่ ออสบอร์น ทายาทคนเดียวของบ.ออสคอร์ป กลับมารับมรดกจากพ่อทั้งทรัพย์สิน และโรคร้าย เขาพบว่าเลือดของสไปเดอร์แมนน่าจะรักษาโรคของเขาได้ เขาขอความช่วยเหลือจากปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เพื่อนเก่าสมัยยังเด็กให้ติดต่อสไปเดอร์แมน ปีเตอร์ค้นพบว่าสิ่งพ่อของเขาวิจัยมานั้นจะใช้ได้กับเฉพาะคนที่มีดีเอ็นเอเดียวกับพ่อของปีเตอร์เท่านั้น ซึ่งหากว่าแฮรี่นำไปใช้อาจทำให้เขาตายได้ แน่นอนว่าแฮรี่ไม่เข้าใจในเหตุผล นอกจากจะรู้สึกเหมือนถูกเพื่อนรักหักหลัง เขายังถูกขับออกจากบ.ออสคอร์ป ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ 



ในท้ายที่สุดแม็กซ์ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป ทุกคนเห็นเขาและรู้จักเขา 
แฮรี่ค้นพบโครงการวิจัยลับภายในอาณาจักรออสคอร์ป ที่ส่งผลให้เขาเปลี่ยนไปตลอดกาล 



ปีเตอร์แม้จะได้พบกับความสูญเสียอีกครั้งแต่ครั้งนี้ความเศร้าที่มีจะเป็นแรงผลักให้เขาตัดสินได้ว่าสิ่งใดที่ต้องทำ และจะทำด้วยความรู้สึกเช่นไร

หนังในภาคนี้ยังคงความดราม่าและสอดแทรกมุกตลกไว้ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งถือว่าทำได้ดี ทำให้หนังภาคนี้ดูเพลินกว่าในภาคแรก



ปล.รู้สึกเหมือนหนังจะพยายามให้ออกมาในทำนองเดียวกับแบทแมนยังไงไม่รู้แฮะ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ดาร์คขนานนั้นหรอก

ปล.ไม่่ชอบชื่อภาษาไทยเลยนะ บอกตง><


เรื่องย่อ GU FAMILY BOOK

-นายน้อย- http://nicesmilememo.blogspot.com/

จะสายเกินไปรึเปล่าไม่รู้ที่จะพูดถึงซีรีย์เรื่องนี้ที่ดูเหมือนจะจบไปตั้งแต่กลางปี 2013


GU FAMILY BOOK


เรื่องนี้ที่ดูเพราะพระเอก ลีซึงกิ เคยเห็นครั้งแรกๆตามรายการเกมโชว์เกาหลี ก็ดูเป็นคนน่ารักดีนะ และได้ดูซีรีย์มา 2-3 เรื่อง ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะมีการแสดงที่ยอดเยี่ยมได้เท่ากับซีรีย์เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เคยมองว่า ลีจุนกิ เป็นพระเอกที่เหมาะกับบทดราม่านะน้ำตาเหมือนสั่งได้ แต่พอเจอลีซึงกิในเรื่องนี้รู้สึกว่าลีซึงกิเนียนมาก เป็นบทร้องไห้ที่เหมือนเป็นตัวละครนั้นจริงๆ ในบางฉากมันเศร้านะ แต่ไม่ถึงกับร้อง ฮีก็แค่ตาแดงๆ และสะกดความรู้สึกไว้ (ช่วงหลังๆเหมือนลีจุนกิจะเป็นสไตล์ดราม่าแอคชั่นซึ่งก็เหมาะดีจริงๆ^^)

เข้าเรื่อง ซักทีดีกว่า 

ซีรีย์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของสัตว์ในตำนาน (ในตำนานว่าเป็นจิ้งจอกเก้าหางแต่..ในเรื่องนี้ไม่ได้มีฉากแปลงเป็นจิ้งจอกให้เห็นนะ) ที่มีความรักกับมนุษย์และอยากจะเป็นมนุษย์จริงๆ วิธีทางที่จะทำได้คือต้องค้นหาคัมภีร์ตระกูลกูได้ได้ก่อน ซึ่งวิธีจะพบกับคัมภีร์ได้นั้นต้องทำหลายอย่าง เช่น ถือศีล งดเนื้อสัตว์ ห้ามปฏิเสธการร้องขอความช่วยเหลือ ห้ามแสดงตัวตนแท้จริงให้ใครเห็น เป็นเวลา 100 วัน 
มันก็ดูจะเป็นวิธีที่ไม่ยาก แต่..เหมือน รักแท้ย่อมมีอุปสรรค ก่อนจะถึง 100 วันนั้น มันจะต้องเกิดเรื่องทุกทีสิ><และแน่นอนว่าถ้าหากในระหว่าง 100 วันเกิดทำผิดกฎบางอย่าง เรื่องดีจะกลับเป็นร้ายแทนที่จะเป็นมนุษย์ หรือกลับเป็นสัตว์ในตำนานเช่นเดิม จะกลายเป็นปีศาจพันปีไปในทันที


กูวอลรยอง สัตว์ในตำนาน มีชีวิตมากว่าพันปี เพิ่งจะพบรักแรก และผู้หญิงที่เขาอยากจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน การตามหาคัมภีร์ตระกูลกูจึงเริ่มขึ้น แต่ก่อนจะครบ 100 วัน ซอฮวา หญิงที่เขารัก ได้พบตัวตนที่แท้จริงของเขาด้วยสถานการณ์บังคับให้เขาต้องแสดงตัวเพื่อช่่วยเธอ ด้วยความกลัว ความโกรธ ซอฮวาพานายอำเภอและพวกมาที่ถ้ำแสงจันทร์ของกูวอลรยอง ที่นั่นกูวอลรยองถูกซอฮวาทำร้ายจิตใจและถูกนายอำเภอทำร้ายร่างกาย จนเขาจำต้องจากไป โดยไม่รู้ว่า ซอฮวา ได้ตั้งท้องลูกของเขาแล้ว
กว่าที่ซอฮวาจะเลิกรังเกียจลูกที่เกิดจากปิศาจก็เมื่อวันที่เธอคลอดลูก และได้รู้จากนักพรต(เพื่อนมนุษย์คนเดียวของกูวอลรยอง) ว่าแท้จริงแล้วกูวอลรยองจะต้องฆ่าเธอเพื่อแก้คำสาปที่จะกลายเป็นปิศาจพันปี แต่เขาไม่ทำและเลือกที่จะจากไปอย่างนั้น และเขารักเธอมากเพียงใด



วันเวลาผ่า่นไป ชอยคังชิ ผู้ไม่รู้ตัวว่าพ่อแม่เป็นใคร ถูกเลี้ยงดูและอยู่ในสังคมมนุษย์ตามความต้องการของซอฮวาผู้เป็นแม่ (ซึ่งตายไปจากการบุกเข้าไปทำร้ายโจกวานวุงขุนนางใหญ่ผู้ทำร้ายเธอและครอบครัว) จนกระทั่งใกล้วันที่อายุครบ 20 ปีของคังชิ ภรรยาปาร์คมูยอล(เศรษฐีที่รับเลี้ยงคังชิไว้ในฐานะของลูกบุญธรรมพ่อบ้านชอย) กลับไล่เขาออกจากบ้าน เพราะความกลัวว่าคังชิจะรักกับลูกสาวของเธอปาร์คโซจอง ภรรยาปาร์คมูยอลไม่เคยรู้เลยว่านักพรตเคยบอกปาร์คมูยอลไว้ว่าถ้าเลี้ยงคังชิไว้จนครบ 20 ปาร์คมูยอลจะประสบแต่โชคดีร่ำรวยมั่งคั่ง ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ โรงเตี๋ยมร้อยปีของเขาเจริญรุ่งเรืองมาก ประกอบกับความเป็นคนมีเมตตาของปาร์คมูยอลเองยิ่งทำให้ผู้คนรักนับถือ แต่เมื่อคังชิโดนไล่ออกจากครอบครัว ก็เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเมื่อโจกวานวุงยัดเยียดข้อหากบฏและยึดโรงเตี๊ยมร้อยปี จับปาร์คแทโซลูกชายคนโตไปทรมาน จับปาร์คชองโจไปเป็นกิแซง(นางโลม) (ปาร์คชองโจเป็นผู้ประสบเหตุการณ์คล้ายคลึงกับ ซอฮวา แม่ของคังชิ ที่ครอบครัวโดนโจกวานวุงใส่ร้ายและถูกจับไปเป็นกิแซง จนกระทั่งกูวอลรยองมาช่วยไว้)



ในระหว่างที่ครอบครัวปาร์คถูกทำลาย สำนักสอนการต่อสู้ของอดีตนายอำเภอ ดัมพยองจุน และแม่ทัพเรือลีซุนชิน ได้ส่งดัมยอวอล และ กอน (จำชื่อเต็มๆไม่ได้><) มาลอบสังเกตการณ์ เพราะเหตุการณ์นี้พัวพันถึงกลุ่มการค้าของญี่ปุ่นที่ร่วมมือกับโจกวานวุงเพื่อยึดดินแดนทางใต้ ชอยคังชิและดัมยอวอลจึงได้พบกัน 


ในช่วงเวลาที่ชอยคังชิรับรู้และพยายามควบคุมความเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เป็นช่วงเวลาที่เขาได้ร่วมกับปาร์คแทโซ ดัมพยองจุน แม่ทัพเรือลีซุนชิน เพื่อขัดขวางพวกของโจกวานวุงและกลุ่มการค้าญี่ปุ่น และชอยคังชิได้พบรักที่แท้ที่ดัมยอวอลมี่ต่อเขา เธอไม่ได้รังเกียจอีกครึ่งหนึ่งที่เป็นสัตว์ของเขา และไว้ใจเขามาตลอด ชอยคังชิคิดจะค้นหาคัมภีร์ตระกูลกูเพื่อเป็นมนุษย์  



ผู้นำหญิงของกลุ่มการค้าญี่ปุ่นเดินทางมาถึงโชซอน พร้อมกับการตื่นขึ้นของปิศาจกูวอลรยองที่แทบจะไม่เหลือความทรงจำอะไรอีกแล้วนอกจากความเจ็บปวดและการฆ่า และคนๆเดียวที่จะสามารถฆ่าปิศาจได้คือชอยคังชิ ลูกชายของเขาเอง ตำนานรักของกูวอลรยองจบลงเมื่อผู้นำหญิงเปิดเผยตัวตนว่าเธอคือซอฮวา ซึ่งได้รับความช่ว่ยเหลือจากผู้นำญี่ปุ่นที่มาหาโจกวานวุงในวันที่เธอบุกไปทำร้ายโจกวานวุง ซอฮวา ซอฮวาที่เพิ่งจะได้พบลูกชายตนเอง เมื่อเธอเห็นความรักที่ดัมยอวอลมีให้กับลูกชายของเธอ เธอจึงวางใจมากพอทีที่จะทิ้งชอยคังชิไปเพื่อสละชีวิตหยุดการการฆ่าคนของกูวอลยอง ซอฮวาขอโทษกับความเขลาและหวาดกลัวของเธอเองที่ทำให้กูวอลรยองกลายเป็นปิศาจ ทำให้เขาค่อยๆจำบางอย่างในอดีตได้ และเมื่อซอฮวากดมมีดลงที่หัวใจของเธอ ความรัก ความคิดถึงทั้งหมดของ กูวอลรยองที่มีต่อเธอก็กลับคืนมาสู่ความทรงจำของเขาอีกครั้ง กูวอลรยองกลับมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานอีกครั้ง 



โศกนาฏกรรมรักของกูมิโฮผู้พ่อได้จบลงแล้ว แต่กับชอยคังชิ ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มตามหาคัมภีร์ตระกูลกู ด้วยชะตากรรมของดัมยอวอล เมื่อเธอได้พบกับชายคนหนึ่งที่ต้นท้อใต้จันทร์เสี้ยว คนใดคนหนึ่งจะต้องตาย เมื่อชอยคังชิไม่สามารถจะตายได้ ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกพ้นจึงตกกับเธอ ชอยคังชิจึงดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาตลอดเวลา 422 ปีเพื่อจะได้พบ หญิงผู้จะทำให้เขาคิดที่จะแก่เฒ่าไปกับเธออีกครั้ง

ซีรีย์เรื่องนี้ผิดไปจากความคาดหวังมากไม่ใช่ว่ามันไม่ดี เนื้อเรื่องดี นักแสดงดี แต่ดราม่า มากๆ ทีแรกคิดว่าจะเบาสมองกว่านี้ เรื่องราวชีวิตของชอยคังชิ่ดูจะซ้ำรอยกับกูวอลรยองผู้เป็นพ่อ แต่เมื่อเหตุการณ์แวดล้อมแตกต่างจึงไม่ได้จบโศกซึ้งแบบพ่อแต่ก็ทิ้งไว้ให้คนดูจิ้นกันต่อไป (แต่ช่วงท้ายๆเรื่องดำเนินเรื่องยืดนะสองสามตอนสุดท้าย)

โดยปกติหนังบางเรื่องอาจจะมีตัวละครซึ่งขโมยซีนพระเอก แต่เรื่องนี้ เรื่องราวของกูวอลรยองขโมยซีนเรื่องราวของชอยคังชิอยู่พอสมควร เพราะเป็นรักบริสุทธิ์ที่แสนจะเจ็บปวด เมื่อวันที่อยู่กลับไม่ไว้ใจและเมื่อวันที่ไว้ใจกลับไม่มีวาสนาได้อยู่ด้วยกัน

กูวอลรยอง เลือกที่จะหลับไปตลอดกาลเคียงข้างหญิงที่เขารัก
ชอยคังชิ เลือกที่จะรอให้พบเธออีกครั้ง


OST.Gu family book

Yisabel (이사벨)
My Eden


Lyrics


There's a stone for the things forgotten.
Just a stone for all you wanted.
Look, a stone for what will not be:
All you thought was there.
Count the stones don't think about him.
Let the stones become your mountain.
Let them go the nights you doubted:
All those thousand cares
Softly now thread
Through the towns and the dark.
Softly be led
By the clouds and the stars.
When the distances grow,
When the winds start to blow,
Something whispers from afar:
There's a home in the heart
Another heaven
There's a time for everything,
There's a song for every dream
(There's a song)
There's a stone for every action,
For the things you won't look back on.
Look, a stone for all that will be:
All that still is me.
Softly now thread
Through the sounds of the dark.
Softly be led
By the clouds and the stars.
When the distances grow,
When the winds start to blow,
Something whispers from afar:
There's a home in the heart
Another heaven
There's a time for everything,
There's a song for every dream.
There's a world that's yet to be


Read more: http://beautifulsonglyrics.blogspot.com/2013/04/yisabel-my-eden-lyrics.html#ixzz30I9XQL5Y













มาร์เวลทำหนังสั้นเผยเรื่องราวของเพ็คกี้ คาร์เตอร์หลังเหตุการณ์ใน Captain America ภาคแรก



เฮย์ลีย์ แอทเวลล์ ผู้รับบทเพ็คกี้ ตาร์เตอร์ คนรักของกัปตันอเมริกาในยุคอดีตออกมาเผยกับทางThe Big Issue ว่า "แฟนๆของหนังภาคแรกอยากรู้มากเลยค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพ็คกี้หลังจากนั้น ทางมาร์เวลเลยกำลังทำหนังสั้นออกมา เกี่ยวกับว่า 'เพ็คกี้ทำอะไรต่อหลังจากนั้น' ซึ่งหนังสั้นนี้จะฉายในงาน Comic-Con และจะอยู่ในโบนัสพิเศษของดีวีดีหนังภาคสองด้วยค่ะ ก็คือนอกจากจะมารับบทเล็กๆในหนังภาคใหม่แล้ว ก็มีหนังสั้นแยกเดี่ยว(ของเพ็คกี้)ด้วยค่ะ การได้กลับมาฝึกกับผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์และได้กลับมาลุยบู๊อีกครั้งเป็นเรื่องที่ดีมากๆค่ะ"

ซึ่งเฮย์ลีย์ แอทเวลล์เองก็จะกลับมารับบทใน Captain america: The Winter Soldier ด้วย แต่คาดกันว่าน่าจะเป็นในฉากเล่าย้อนอดีตมากกว่า โดยเธอเองเป็นคนเสนอไอเดียหนังสั้นเกี่ยวกับตัวเพ็คกี้ คาร์เตอร์มาตั้งแต่แรก จนมาร์เวลตอบรับความปรารถนา และนำมาสร้างเป็นหนังสั้นตอนเดียวจบนั่นเอง  

Captain America: The Winter Soldier กำหนดฉายเดือนเมษายนปี 2014

Source: Total Film; George Wales

http://eraofgirls.blogspot.com/2013/05/captain-america.html

Captain America: The Winter Soldier (2014) - กัปตันอเมริกา มัจจุราชอหังการ (สปอยล์)

-นายน้อย- http://nicesmilememo.blogspot.com/

สำหรับขวัญใจสุดหล่อกล้ามโตคนนี้ บอกตรงๆว่าไม่รู้จะวิพากษ์วิจารณ์ยังไงให้ดูมีความเห็นแบบเป็นกลางๆไม่เข้าข้าง 55

โดยส่วนตัวแล้วชอบกัปตันอเมริกามากที่สุดในฮีโร่จาก The Avengers เหตุผลก็ง่ายๆ "หล่อ" ฮ่าๆ ยังหมกมุ่นเรื่องนี้ไม่เลิก เข้าเรื่องซักทีดีกว่า



กัปตันอเมริกาภาค 2 ในชื่อตอนที่ว่า มัจจุราชอหังการ ยังคงรักษาบรรยากาศนิ่งๆ เล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นเนื้อหา และแอคชั่นแบบพอดีพอคำ ไว้เช่นเดียวกับภาคแรก

หนังเดินเรื่องด้วยการใช้ความรู้สึกนึกคิดของ สตีฟ โรเจอร์ เป็นแกน ในภาคนี้ เขาหลุดมาใช้ชีวิตในอนาคตที่เขาไม่คุ้นเค้ย (มียูนิฟอร์มใหม่ด้วย) และแทบจะไม่เหลือใครที่เขาเคยรู้จัก ไม่มีเพื่อนสนิท และการทำหน้าที่ทหารอย่างที่ตั้งใจก็ดูจะไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่คิด

ภาคนี้กัปตันยังคงทำงานกับ นิค ฟูรี่ (พี่มืดผู้รวมทีมอเวนเจอร์) ในหน่วย ชิล
กัปตันรู้สึกไม่ดีนักเมื่อรู้ว่า นิค ให้ แบลควิโดว์แอบทำงานลับซ้อนในงานเดียวกับเขาโดยที่เขาไม่รู้เรื่อง
ในขณะที่กัปตันรู้สึกเคว้งคว้างเขามักจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนี่ยน ซึ่งมีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาเอง และแวะไปเยี่ยมเยือน เพ็คกี้ คนรักเก่า ในวัยชรา

ในขณะที่กัปตันรู้สึกสับสน เหตุการณ์กลับผลิกผัน นิค ฟูรี่ถูกทำร้าย ก่อนตาย บอกกับ กัปตันไว้ ว่าอย่าไว้ใจใครในหน่วย ชิล และกัปตันก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ฆ่า นิค ฟูรี่ พร้อมกับขโมยข้อมูลลับไป เขาจึงโดนตามล่า แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก เดอะฟอลคอน และ แบลควิโด้



หนังเล่นกับความรู้สึกไว้ใจกันและกันของตัวละคร นิค ฟูรี่ ไว้ใจในตัว เพียซ   กัปตัน ไว้ใจในตัวนิค
สาวข้างห้องที่กลายเป็นสายลับ
แบลควิโดว์ ที่ไม่น่าไว้ใจนักเพราะเธอหลอกลวงและมีเบื้องหลังที่น่าสงสัย
เดอะฟอลคอน เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก
เพื่อนรักอย่างบัคกี้ที่กลับกลายเป็นศัตรู
กัปตันจะต้องเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องราวที่พบ จะไว้ใจใครได้บ้าง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แจ่มชัดนัก หนังอาจจะเล่าเรื่องผ่านความรู้สึกสับสนเหมือนยังค้นหาสิ่งที่ต้องการยังไม่เจอ ของสตีฟ โรเจอร์ แต่หนังก็ไม่ได้สร้างความซับซ้อนให้กับผู้ชมมากนัก







ในท้ายที่สุดกัปตันได้พบกับ บัคกี้ เพื่อนรักเพื่อนซี้ของเขาในภาคแรก แต่บัคกี้ ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่คนที่เป็นเพื่อนรักของเขาอีกแล้ว แต่ด้วยจิตใจที่ดีของกัปตัน เขายังคงเชื่อมั่นว่า บัคกี้จะต้องจำเขาได้
รวมไปถึงการพบคำตอบของเรื่องราววุ่นวายที่เกี่ยวข้องกับ ไฮดร้า กลุ่มคนที่เป็นศัตรูของเขา

 

สำหรับกลุ่มไฮดร้า ถ้ามองว่ากลุ่มคนพวกนี้โหดร้าย ฆ่าคนไม่เลือก ก้ไม่ผิดอะไรนัก แต่ถ้ามองที่เป้าหมาย เขาคือกลุ่มคนที่พยายามจะจัดระเบียบโลกนี้ให้เป็นระบบ แต่ก็นั่นแหละ อะไรที่ได้มาด้วยวิธีการที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ในขณะที่ยังมีทางเลือกที่ดีกว่านั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสรรเสริญเท่าไหร่นัก

กัปตันอเมริกา กลับมาต่อสู้กับไฮดร้าอีกครั้ง ในชุดยูนิฟอร์มที่เคยใช้ (ส่วนตัวชอบในจุดนี้มาก หนังปูมาถึงความเคว้งคว้างและคิดถึงอดีต คิดถึงสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย ของสตีฟ โรเจอร์ เพื่อสานต่อถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่เป็นผลพวงมาจากอดีต และในที่สุด ก็ได้ใช้สัญลักษณ์จากอดีต เข้าไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น)



ในภาคนี้เราจะได้เห็นฉากแอคชั่นแบบประชิดตัวของกัปตันอเมริกามากขึ้น ได้เห็นทักษะที่เหนือมนุษย์ของเขามากขึ้น และหนังยังคงส่งเสริมความเป็นผู้นำในการปฏิบัติการของกัปตันอเมริกาใช้เด่นชัดมากขึ้น (ในช่วงหลัง นิค ฟูรี่ ต้องยอมให้ กัปตันเป็นผู้นำ และออกคำสั่งในการปฏิบัติการ)

นอกจากกัปตันจะได้พบบัคกี้เพื่อนเก่า ในภาคนี้เขาได้พบ เดอะ ฟอลคอน เพื่อนใหม่ และ แบลควิโด้ กับความสัมพันธ์ที่ดูจะสนิทก้นมากขึ้น (อันนี้จิ้นเอง55)

สำหรับเรื่องนี้เหมือนจะเป็นภาคบังคับให้ไปดูเช่นเดียวกับธอร์ 2 ไม่เช่นนั้นก็จะดู ดิอเวนเจอร์ไม่รู้เรื่อง >< แต่เอาเถอะคะ ไปดูกันนะไม่เสียดายตังแน่ๆ ^^

ประเภทของภาพยนตร์


ภาพยนตร์ที่เราไปชมกันนั้นมีหลากหลายรส หลายแบบ บางคนชอบแบบชีวิต(ดราม่า) ชมภาพยนตร์ไปร้องไห้เช็ดน้ำตาไป
บางคนชอบหนังการ์ตูนสดใสสีสันจัดจ้านดูคลายอารมณ์และมีความน่ารักๆ ปนอยู่ด้วย แนวของภาพยนตร์ก็เลยมีหลายรูปแบบ
ได้แก่

1. Action หมายถึง ภาพยนตร์แบบบู๊ แอ็กชั่น ยิง ต่อสู้ ระทึกใจ เหมาะสำหรับคนชอบความแข็งแรงและศิลปะการต่อสู้ ในภาพยนตร์แนวนี้จะมีฉากยิง ระเบิด เผาสิ่งต่างๆ ที่เราอาจจะหาดูได้ยาก ฉะนั้นคนที่ชอบหนังประเภทนี้ไม่ใช่เพราะชอบความรุนแรง แต่จะหมายถึงคนที่ชอบที่จะสัมผัสกับสิ่งที่หาดูไม่ได้ในชีวิตประจำวันและชอบความตื่นเต้นอยู่ด้วย ปัจจุบันภาพยนตร์ประเภทนี้ มีออกมาฉายกันมากไม่เคยขาดและได้รับการตอบกลับอย่างดี แต่ก็ต้องมีเนื้อหาสาระและมุมมองของการออกแบบฉากได้อย่างลงตัวและสมจริงด้วย อย่างองค์บากทั้งสองภาคก็ขายความแอ๊กชั่นเป็นจุดสำคัญ และอื่นๆ อีกมากมายครับ

2. Adventure หมายถึงภาพยนตร์ แนวผจญภัย เข้าป่าฝ่าดง เจอปัญหาอุปสรรคมากมาย และต้องมีการแก้ไข ปัญหาสถานการณ์ หนังแบบนี้ก็เหมาะสมหรับผู้ชมที่ชื่นชอบการผจญภัย เช่น เข้าไปในป่าที่ยังไม่รู้จักว่ามีอะไรบ้างที่รอการเข้าไปค้นหาจากเรา

3. Animation หมายถึงภาพยนตร์การ์ตูน ซึ่งปัจจุบันกำลังมาแรง เช่น finding nemo เป็นต้น ปัจจุบันมีการผลิตออกมาได้น่าดูและแนบเนียนขึ้น ประเทศไทยเองก็มีออกมาหลายเรื่องและได้รับการต้อนรับมากโดยเฉพาะเด็กๆ ที่ขาดกันไม่ได้

4. Comedy ภาพยนตร์ตลก เบาสมอง เหมาะกับคนที่ต้องการดูเพื่อการพักผ่อน ไม่ต้องคิดอะไรมาก

5. Crime ภาพยนตร์อาชญากรรม แนวการแก้ไข ต่อสู้กับคดีต่างๆ ของตำรวจ 

6. Documentary ภาพยนตร์แนวสารคดีที่ดูไปด้วย ได้สาระไปด้วย

7. Drama ภาพยนตร์ชีวิต ที่จะได้ความรู้สึกซึ้งเศร้า เคล้าน้ำตา ทำให้นึกถึงชีวิตคนจริงๆ บางเรื่องดูแล้วเครียด บางเรื่องก็เศร้ามากๆ แต่พอหนังจบก็โล่งหัว ถ้าเกิดยิ่งดูยิ่งเครียดก็อย่าดูมันเลยครับ

8. Erotic เป็นภาพยนตร์ที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพศ ในประเทศไทยไม่มีเพราะทำออกมาก็ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์ 

9. Family เป็นภาพยนตร์ที่คนทุกคนในครอบครัวดูได้ ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความผูกพัน ของคนในครอบครัว ส่วนใหญ่ก็จะแฝงแง่คิดเอาไว้และเดินเรื่องแบบเรียบง่าย เน้นความรักกันของคนในครอบครัว

10. Fantasy ภาพยนตร์ที่มีการผสมจินตนาการแบบที่เราๆ ไม่ค่อยเห็นในชีวิต จะเรียกว่า เหนือจริงก็ได้ เด็กๆ หลายคนชอบจนถึงขั้นติดเลย เช่น เกี่ยวพ่อมดแฮรี่ และอีกหลายเรื่อง

11. Film-Noir ภาพยนตร์ที่เน้นการใช้ภาพเป็นตัวสื่อเนื้อหา ดูง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับบุคคล ทีมีประสบการณ์มาก่อน ถ้าหากมีเวลาว่างๆ จริงๆและสมาธิดีๆ ก็ลองหามาชมดู ได้รสชาติอีกแบบที่น่าลอง

12. Musical ภาพยนตร์เพลง เช่น ชิคาโก ประเทศไทยยังไม่มีให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราวสักเรื่อง แต่ก็ยากที่จะทำให้มีรายได้เพราะความนิยมของคนแนวนี้ไม่มาก

13. Mystery เป็นภาพยนตร์ที่ลึกลับ ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ดูไปลุ้นไป แต่สุดท้ายก็อาจจะได้คำตอบเดิมก็คือ ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ทิ้งเป็นปริศนาให้เราต้องขบคิดต่อไป หรือบางเรื่องก็นำเสนอในมุมมองของผู้สร้างเพื่อให้ผู้ชมคล้อยตาม แต่จะเป็นจริงหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

14. Romance ภาพยนตร์แนวรักโรแมนติก เหมาะกับคู่หนุ่มสาวและผู้ที่กำลังมีความรักทั้งหลายหรือคนที่กำลังอยากจะรักใคร ชมไว้เป็นแนวทางในการทำตนเมื่อมีคนรัก จะได้ความรู้สึกมากขึ้นหากเราเคยมีประสบการณ์และความรู้สึกเหมือนในภาพยนตร์ จึงไม่แปลกใจที่หลายคนร้องไห้กับหนัง แต่อีกหลายคนอาจจะมองว่ามันซึ้งตรงไหน ไม่ผิด

15. Sci-Fi ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาอ้างอิงวิทยาศาสตร์ แต่ทำออกมาให้น่าสนใจอาจจะผสมจินตนาการเข้าไปด้วย แต่หลายคนบอกว่าไม่ชอบเพราะดูไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะบางเรื่องก็ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานเป็นเดิมพันบ้าง แต่ถ้าหากชมบ่อยๆ ก็จะเริ่มรู้เรื่องและกลายเป็นคนชอบหนังประเภทนี้ก็ได้ หนังแนวนี้สามารถต่อจินตนาการให้เราได้ เผลอๆ คนที่ดูอาจจะคิดอะไรดีๆ ออกมาสร้างประโยชน์ให้กับคนรอบข้างได้ และแนวคิดของหนังแนวนี้ก็เป็นแรงกระตุ้นให้นักวิทยาศาสตร์พยายามทำให้ได้แบบในหนัง

16. Thai-film ภาพยนตร์ไทยหลากหลายแบบ อาจจะอยู่ในแนวใดก็ได้ ที่แบ่งออกมาแบบนี้เราอาศัยการแบ่งแบบฝรั่งนะครับ ถ้าเรานำหนังไทยมาแบ่งก็จะมีออกมาแบบเดียวกันนี้

17. Thriller ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน ที่มีการผูกเรื่องเพื่อให้ผู้ชมลุ้นไปด้วยว่าผลสุดท้ายจะออกมาในแนวใด เหมาะกับผู้ที่ชอบการสืบ นักสืบน้อยทั้งหลาย มันมีเสน่ห์ตรงทำให้ผู้ชมต้องติดตามตลอดทั้งเรื่อง ดังนั้นหากเรื่องไหนทำให้เกิดปมช้า ก็ทำให้หนังน่าเบื่อ และตอนจบและแนวเรื่องต้องมีความแปลกใหม่ ไม่ใช่ดูไม่ทันถึง 10 นาทีก็เดาออกแบบนี้เจ๊งแน่ๆ

18. War หนังสงคราม ที่มีการอ้างอิงเหตุการณ์สงครามที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เน้นจุดๆ หนึ่งในสงครามนั้นๆ ก็อาจจะนำไปใช้สอนเด็กนักเรียนได้ แต่ก็อาจจะไม่เหมาะในบางเรื่อง เช่น ความรุนแรงหรือความป่าเถื่อนอะไรประมาณนี้ ผมสังเกตว่าถ้าคนที่ไม่ใช่คอหนังสงครามจริงๆ เขาอาจจะไม่อยากดูเลยด้วยซ้ำ แต่คนที่ชอบดูก็จัดได้ว่าคลั่งหนังสงครามไปเลย ส่วนที่เหลือก็เป็นการชอบดูเป็นช่วงๆ ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง

19. Western หนังคาวบอยตะวันตก ปัจจุบันอาจจะดูไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรเพราะความแปลกใหม่ในการนำเสนอหายากขึ้นและเสี่ยงมากที่จะทำออกมา

ในปัจจุบันมักจะมีการสร้างภาพยนตร์ออกมาโดยให้มีหลายแนวปะปนกันอยู่เพื่อความสมจริง แต่ถ้าจะพิจารณาว่าอยู่แนวใด ต้องอาศัยเนื้อหาส่วนใหญ่ของภาพยนตร์เป็นหลัก 

จาก http://sanookdee.th.gs/