sleepy beauty เจ้าหญิงนิทรา อาร์ททมาก....จนไม่เข้าใจ --'

หนังเรื่องนี้เจอในเวปเห็นใบปิดหนังสวยงามดี และมันพากษ์ไทย ดูไปทำงานไป ได้สบายๆ และอ่านเรื่องย่อแล้วดูน่าสนใจดี

เนื้อ เรื่องก็เป็นรื่องราวชีวิต ของ ลูซี่ เด็กสาวที่ทั้งเรียนทั้งทำงาน หนังเล่าเรื่องประมาณว่าเธอต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงตัวเอง หลายๆ งานที่เธอทำ ทำให้เธอเฉยเมยกับอารมณ์ความรู้สึก จนกระทั่งเธอได้งาน ที่ sleepy beauty chamber  คราล่า ผู้หญิงที่รับเธอทำงาน บอกว่า เธอจะเข้าสู่นิทรารมณ์ และเธอก็จะตื่นขึ้นจากการหลับไหล ราวกับว่าเวลาเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนฟัง ดูพิลึก และเรื่องราวที่ชวนน่าสนใจคือเธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับเวลาที่เธอหลับไปนั้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเมื่อวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นและพบชายชราที่นอนข้างๆ โดยไม่มีลมหายใจแล้ว...

เนื้อหาดูน่าสนใจพอควรนะ แต่การดำเนินเรื่องมันช่าง.... คือไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ผู้กำกับแกจะขายอาร์ทอย่างเดียวเหรอ มันนิ่ง เงียบ มีเหตุและไม่มีผล อะไรแบบนั้น ชนวนที่ชวนน่าตื่นเต้นก็ไม่ได้เน้นให้ความสำคัญเท่าไหร่

ที่งงมากๆ คือเพื่อนชายคนนั้นของเธอ จบลงยังไง และทั้งคู่มีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนกันแน่

เป็นหนังที่นิ่งมากจริงๆ ไม่เข้าใจ ไม่ตื่นเต้น ไม่ถึงกับชวนให้ด่า แต่ไม่ได้ชวนให้ชม 

พิลึกดีจริง 

นอกจากความอาร์ทของหนังแล้ว ยังมีนางเอก เบบี้ดอลที่เรื่องนี้เธอเปลืองตัวมาก แต่หุ่นเธอก็น่ามองอยู่นะ ^^



go to cheangkan,Lei ...^^

เดินทางตั้งแต่ ธค 53 แล้วเป็นทริปฉุกละหุกหน่อยๆ อยู่ดีๆก็ชวนกันไป เชียงคาน โปรแกรมนี้ก็จัดแบบรีบๆ คิดว่าจะนั่งรถไป เชียงคาน ค้าง หนึ่งคืนเพื่อ เที่ยว แก่งคุดคู้ และอื่นๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง เชียงคาน และวันรุ่งขึ้นจะนั่งรถไปค้างบนภูเรือ แล้วเดินทางกลับ กรุงเทพฯ
บรรยากาศที่ขนส่งก่อนรถออก
เดินทางวันแรก จำเวลาแน่นอนไม่ได้ น่าจะเป็นช่วงค่ำๆ ด้วยความฉุกละหุก จากที่คิดจะจองรถวีไอพี เลยต้องขึ้นรถ ป1 หรือ ป2 จำไม่ได้แระ กว่าจะถึงเป็นสิบชั่วโมง เมื่อยหลังพอควรเลย
ถึงแว้ววว เวลา 5.00 น. ณ เชียงคาน เริ่มออกเดินหาที่พักเพราะเราไม่ทันได้จองมาก่อน

 หลายที่ยังไม่เปิดเลยอ่ะ ง่าาา
 ที่นี่เปิดแล้วแต่..เต็ม.. จำชื่อไม่ได้ ดูเป็นรีสอร์ทเต็มตัว แต่ที่อื่นส่วนใหญ่ที่จะเป็นลักษณะ โฮมสเตย์

 เริ่มจะสว่างแล้ว..เขาเริ่มมารอใส่บาตร รอบแรกกัน เห็นเขาว่าที่นี่ใส่บาตรข้าวเหนียว แต่มีการใส่กันถึง สองรอบ ง๊งงง
ที่นี่..ก็เป็นโฮมสเตย์ เกือบจะได้พักแล้ว คุณป้าเจ้าของบอกว่าคนที่อยู่จะออกก่อนเที่ยง เลยใจดีให้ฝากของ และยืมจักรยานไปปั่นเล่นก่อนได้ (เน้นย้ำว่าให้ยืมอ่ะ ไม่ได้เช่า ใจดีจัง^^)
 บรรยากาศริมโขงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ^^จากภาพขวาล่าง ที่เห็นลิบๆ นั่นเป็นที่พักสไตล์กระโจม

 ปั่นกันไปถึงแก่งคุดคู้เลย อากาศดีเลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่
 อยากจะบอกว่า กุ้งทอดที่นี่อร่อยมาก (หรือเราหิวก็ไม่รู้^^) 
แวะไว้พระวัดที่อยู่ระหว่างทางไปแก่งคุดคู้ (จำชื่อวัดไม่ได้แหะๆ)
 กลับมาจากแก่งคุดคู้แว้วววว แต่ว่าห้องพักยังไม่ว่าง จำต้องอำลาเชียงคานซะแล้ว ไปหาที่ซุกหัวนอนก่อน
นั่งรถหวานเย็นไปท่ารถ แล้วหารถไปภูเรือต่อ รับรองว่ามีที่นอนแน่ๆ อิอิ
ใช้เวลามาถึงภูเรือทั้งหมด 3 ชั่วโมงรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ระหว่างนั่งรถมาอากาศเย็นมาก จะหลับก็หลับไม่ลง 55
จะขึ้นไปบนภูเรือเราต้องเช่ารถขึ้นไปอีก ไม่มีสองแถว นะที่นี่ต้องเหมารถกระบะกันไปเลยอ่ะ
แต่เราคิดว่าน่าจะเดินไหวเลยตัดสินใจเดินกัน เดินมาครึ่งทางรู้สึกตัวว่าคิดผิด--'
เดชะฯ บุญ ได้หลวงพี่ท่านหนึ่ง ให้ติดรถขึ้นไปด้วย สาธุๆๆ คุณพระช่วยจริงๆ
มาถึงก็จัดแจงเช่าเต็นท์กับอุปกรณ์ หมอน ผ้าห่ม สำหรับนอนจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และอาบน้ำนอนอย่างเหนื่อยอ่อน ตื่นมาอีกทีได้เวลาไปดูพระอาทิตย์ตกดินพอดีเลย

เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาแห่กันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว อากาศหนาวมากๆ อาบน้ำทีนี่ นึกว่าอาบน้ำแข็ง แต่ตอนกลางคืนดาวเยอะมาก สวยมากจริงๆ





สรุปว่าทริปนี้ ประทับใจกับภูเรือ มากๆ เลยนะ ส่วนเชียงคานคิดว่าถ้ามาใหม่ต้องหาที่นอนให้ได้ก่อน (555) มาแบบกะจะ walk in นี่ไม่ได้เลย คนมาเที่ยวเยอะที่พักไม่ว่างเลย เป็นช่วงปี 53 นะ ตอนนี้ 55  แล้วไม่รู้จะหาที่พักยากอยู่รึเปล่า คือตอนนั้นเชียงคานเหมือนเพิ่งบูมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวจะน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านชาวบ้านนั่นแหละแบ่งห้องให้เช่าพัก
แต่การเดินทางเที่ยวทางเหนือหรืออีสานเป็นการท่องเที่ยวที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าไปทะเล ชอบตรงเนียะแหละ 555

วัยรุ่นพันล้าน ..ที่ไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ


 

ขนมสาหร่ายเถ้าแก่น้อย มีใครชอบกินบ้างยกมือขึ้น \^o^/
ยกกันสองมือเลย ..
แต่นอนว่าเจ้าของธุรกิจนี้ คิดว่าใครๆคงรู้จัก สรรพคุณ(เหมือนยายังไงไม่รู้แฮะ)
ที่ว่า เด็กมาก และเริ่มต้นจากการเล่นเกม
และเราอาจจะรู้จักเขามากขึ้นไปอีกจาก...วัยรุ่นพันล้าน..ภาพยนตร์ไทยที่ถือว่าได้คุณภาพเรื่องหนึ่ง (แม้จะได้รับความสนใจเพียงแค่ในระดับนึงเท่านั้น)
ต้องบอกว่าเป็นหนังที่สร้างมาจากชีวิตจริง ของบุคคลคนหนึ่งซึ่งหนัง ถ่ายทอดออกมาได้ดีพอสมควรเลย  ไม่น่าเบื่อ แถมยังน่าติดตามและเอาใจช่วย "ต๊อบ" พระเอกของเรื่อง (อันนี้ผู้เขียนแอบให้เครดิตนักแสดงด้วย รู้สึกชอบตั้งแต่เรื่อง sucseed )


หนังเดินเรื่องง่ายๆ จาก 1 ไป 2  3 45 ตามลำดับจนกระทั่งจบไม่มีอะไรหักมุม แต่ก็สามารถสอดแทรกความน่าสนใจลงในเรื่องราวได้อย่างดี ตั้งแต่อุปนิสัยของ ต๊อบ ที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่เป็นคนมีความมุ่งมั่น และแน่นอนว่ามีเซ้นส์ทางการค้า
ต๊อบมีพัฒนาการเป็นลำดับจากเด็กมัธยม ติดเกมส์ ได้เงินมาง่าย และใช้เงินไปง่ายๆ ด้วยการซื้อของซื้อรถ และปมความขัดแย้งทางความคิดกับพ่อนำไปสู่เหตุผลที่ต๊อบ จะพยายามหาเงินเอง  และท้ายที่สุด เหมือนกลายเป็นความรับผิดชอบ สำนึกในแบบลูกผู้ชายที่จะพยายามช่วยครอบครัวหรือมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครอบครัว
ี้และแสดงให้เห็นว่า เขาโตพอและสิ่งที่เขาคิดนั้นเขาสามารถทำให้มันเป็นจริงได้
ด้วยความที่เขาคิดจะหาเงินมาช่วยพ่อแม่ และอาจบวกกับนิสัยส่วนตัวบางอย่างทำให้ต๊อบดูแตกต่างจากวัยรุ่นในวัยเดียวกัน หนังพยายามสื่อสารในประเด็นนี้ให้เห็นบ้าง เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนหญิงของต๊อบ ซึ่งแสดงให้เห็นธรรมชาติของเด็กปีหนึ่งที่กำลังสนใจในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ และเห็นว่าในวัยของตนนั้นการเรียนสำคัญที่สุด
แต่ต๊อบไม่ได้คิดแบบนั้น

หนังเรื่องนี้สอนผู้ดูได้ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องครอบครัว ความคิดที่ไม่ตรงกันของผู้ที่เป็นพ่อแม่และผู้ที่เป็นลูก เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของความรักในวัยรุ่น
ความผูกพันและเข้าใจกันระหว่างต๊อบและลุง ที่ไม่ได้เป็นเครือญาติอะไรกัน
และที่สำคัญที่สุด ความสำเร็จของต๊อบนั้นไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย เขาแสดงให้เห็นว่าเขาได้ทำทุกสิ่งอย่างเต็มที่ ตั้งใจ มุงมั่น แม้ผิดพลาดก็พร้อมแก้ไข ความผิดพลาดในวันนี้ทำให้เขาเก่งขึ้นอีกในวันพรุ่งนี้
เขาจึงมีวันนี้ได้ ...และเราก็ได้มีสาหร่ายอร่อยๆ ไว้กินกัน..^^