รีวิว/สปอยล์ : Bahubali 2 conclusion (2017)

สิ้นสุดการรอคอยยาวนานถึง 2 ปี เขาก็กลับมา! กษัตริย์นักรบผู้ครองใจประชาชน "บาฮูบาลี"

ขอเล่าบรรยากาศที่โรงหนังซักเล็กน้อย ตอนซื้อตั๋วเห็นโรงเกือบเต็มก็ดีใจว่าคนให้ความสนใจอยู่บ้างแม้โรงจะน้อย พอเข้าโรงไปก็บพบว่า โอ้วที่โรงแน่นๆนี่ คนอินเดียทั้งนั้นเลย ก็อบอุ่นไปอีกแบบดูหนังกับเจ้าของเชื้อชาติเขาเลย


มาภาคนี้หนังดำเนินเรื่องง่ายๆ โดยต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว เล่าถึงช่วงเวลาหลังจาก การรบระหว่างเมือง มหิธมาตี กับกลุ่มคนอีกเมืองที่มารุกราน(หน้าตาแบบพวกอุรุกไฮ) ราชินีศิวากามี ทำพิธีกรรมซึ่งต้องเทินถ่านที่ติดไฟไว้บนศีรษะแล้วเดินเขาสู่พิธี เพื่อทำลายหุ่นอสูรร่างยักษ์ หากทำสำเร็จจะทำนายได้ว่าพระนางจะทำกิจสิ่งใดก็จะสำเร็จลุล่วง  ระหว่างนั้นมีช้างเชือกนึงเกิดหลุดออกมาขวางทาง เจ้าชายบาฮูบาลีจึงขับเกวียนบรรทุกองค์พระพิฆเณศเข้ามาชนช้างนั้นให้พ้นทาง ทำให้พระนางเดินต่อไปได้ และช้างเชือกนั้นก็ยอมสยบต่อบาฮูบาลี (ฉากเปิดนี่สวยงาม อบอุ่นและยิ่งใหญ่ ชอบๆ👍👍👍)
หลังจากนั้นหนังก็เล่าเรื่องการพบรักของบาฮูบาลีกับนางเทวาเสนา และการพยายามจะเป็นกษัตริย์ของบัลลาพี่ชายของบาฮูบาลี

การดำเนินเรื่องหรือบทหนัง มีความขาดๆ เกินๆ อยู่หลายจุด เช่นว่าอยู่ดีๆ ก็มีพวกไหนไม่รู้มาบุกเมืองของเทวาเสนา (เดาว่าเป็นทหารมหิธมาตีนั่นแหละ แต่จังหวะการมาถึงรวดเร็วเกินไป) แล้วเมืองของเทวาเสนาก็ไม่มีทหารเฝ้าเมืองเลย (ซะงั้นอ่ะ) ทำให้บาฮูบาลีต้องเปิดเผยตัวตน หรือ ช่วงท้าย คัปตาปา บอกศิวะให้คิดอย่างบาฮูบาลี เอาจริงๆ คือพ่อลูกไม่เคยเจอกันเลย จะให้คิดเหมือนกันคือยังไง? แล้วพอบอกแค่นี้ก็คิดออกเฉยเลย 😰😰😰

การเฉลี่ยบทไม่ค่อยดีเท่าที่ควร นางเอกภาคที่แล้วไม่มีบทพูดเลย อาจจะผิดที่หนังถ่ายทำที่ละภาคแล้วภาคนี้ก็เทบทไปที่รุ่นพ่อจนหมด

หนังยังคงทำได้ดีในเรื่องของภาพมุมกล้อง และสัญลักษณ์ทางศาสนา ที่สงเสริมความมีบุญบารมีและเมตตาของบาฮูบาลี มีความขัดแย้งระหว่างคำมั่นสัญญากับความภักดี หน้าที่และหัวใจ แต่ไม่ว่าบาฮูบาลีจะตัดสินใจอย่างไรก็ยังคงคิดถึงแม่และประชาชนอยู่เสมอ
ในช่วงท้ายนางเทวาเสนาได้ทำพิธีกรรมเช่นเดียวกับนางศิวากามีตอนต้นเรื่อง แต่เป็นการกระทำระหว่างรบจริงๆ ถือว่าเปรียบเปรยได้ดีพอสมควร

ในส่วนกราฟฟิก ฉากวังหรือการรบในมุมกว้างยังคงถูกนำมาใช้เช่นเคย มีความเว่อวังอลังการ ซีจีในฉากต่อสู้ถูกนำมาใช้เยอะมากส่วนตัวคิดว่ามากเกินไป (นึกถึงหนังจีนยุคนึงที่มีแต่ซีจี)

ฉากแอคชั่น มีเยอะมากกว่าภาคที่แล้ว ในช่วงแรกการต่อสู้ที่เมืองของเทวาเสนา มีมุกเล็กๆในการสอนยิงธนูระหว่างต่อสู้ เป็นจังหวะที่สวยงาม ไคลแมกซ์ในช่วงท้ายเรื่องรู้สึกกร่อยๆ พยายามมีมุกแต่มันไม่ว้าวแบบในภาคแรก (ส่วนตัวมองว่าหนังน่าจะสร้างความต่างระหว่างบาฮูบาลีกับศิวะบ้าง ในการต่อสู้ที่ท้ายเรื่องควรใช้ชั้นเชิงหรือรบแบบกองโจร มากกว่าการกำลังหรือรบแบบทหาร )

สรุป บทหนังอาจจะขาดความสมเหตุสมผลบ้าง แต่หนังสนุกมีความเว่อวังอลังการมันส์สะใจ สไตล์ภารตะ

ถ้าให้ภาคแรก 9/10 ให้ภาคนี้ 8/10

ปล. ที่แย่ที่สุดคงไม่ได้ผิดที่ตัวหนัง ผิดที่ทีมทำซับไตเติ่ลภาษาไทย พิมพ์ผิดเยอะมาก ไม่ทราบว่ารีบหรือไม่ตั้งใจทำกันแน่ 👎👎👎




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น