วันนี้เรามารอเข้าอุทยานตั้งแต่ 7 โมงเช้า อาหารเช้าวันนี้ ก็มีขนมปังที่ซื้อเตรียมไว้เมื่อคืน อาหารกลางวันก็มี เป็ดย่าง ที่หิ้วมาเมื่อคืน และขนมนิดหน่อย ถ้าไม่พอก็ไปหาเอาดาบหน้า 55
บรรดาทัวร์ต่างๆ ก็มากันแต่เช้ายืนออกันที่ทางเข้า พอได้เวลา ด้วยความที่เรามีบัตรอยู่แล้วไม่ต้องเสียเวลาซื้อ ก็มุ่งไปขึ้นรถภายในอุทยานเลย
ต่อแถวเข้าอุทยาน |
สำหรับลิฟต์ไป่หลง ถามว่าคุ้มมั้ย ตอบเลยว่า ไม่ 555 แต่เหมือนเป็นไฟต์บังคับ ถ้าไม่ขึ้นลิฟต์ก็ไม่รู้จะไปต่อยังไง
การเข้าลิฟต์จุดสำคัญคือต้องยืนติดหน้าต่าง ไม่เช่นนั้น จะยิ่งกว่าไม่คุ้ม เราเริ่มต้นที่ลิฟต์ ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่เพิ่งเข้ามาวันแรกจะได้มาถึงเป็นจุดที่สอง ฉะนั้นตอนที่เราขึ้นก็สบายๆ ไม่ต้องแย่งกับใคร โล่งมาก จุดที่รอลิฟต์ ก็โล่ง โล่งจนไม่แน่ใจว่ามันใช่ตรงนี้มั้ยเนียะ
คุณสามีจัดแจงดันเราอยู่ติดกระจกลิฟต์เลย พร้อมเตรียมอัดคลิป ความยาวทั้งหมด ก็ไม่กี่นาทีหรอก เอาจริงๆ ถ้ารู้ทางขึ้นทางอื่นก็อาจจะไม่ขึ้นลิฟต์ ก็ได้ มีความแพง ><
ทางขึ้นลิฟต์ไป่หลง |
รถบัสฟรีภายในอุทยาน |
เราไปถึงตั้งแต่คนเบาบาง ก็ถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ ถึงจุดชมวิว ฮาเลลูย่า เราเข้าใจว่าเราถึงอวตารแล้ว ก็มัวแต่ถ่ายรูปตรงจุดนี้ จนคุณสามีไม่พอใจ 55
นกตัวนี้ขี่ได้ไม่เสียตัง เราไม่รู้เลยไม่ได้ถ่ายคู่กะมัน TT เสียใจ |
ไปถึงสะพานหนึ่งเดียวใต้หล้า แวะนั่งกินเป็ดย่างและชมวิวชิวๆ จนลืมขึ้นไปสักการะศาลเจ้าบนยอดเขา เลยไม่ได้ผูกผ้าสีแดงแบบที่คนอื่นทำกัน และด้วยความรีบร้อน สามีเร่งเร้าว่าเรานั้นจะต้องไปให้ถึงหุบเขาอวตารก่อน ด้วยความเราชะล้าใจ คิดว่าเรามาถึงคนแรกๆ ยังไงๆ คนก็ไม่น่าเยอะ แต่ทว่า..เมื่อถึงจุดที่เป็นอวตาร (จุดที่มีเขาเล็กๆ แหลมๆ เยอะๆ) คนเยอะมากจ้า เพราะว่าตรงจุดชมวิวหุบเขาอวตาร เขามาจากอีกทางก็ได้ วิวในจุดนี้เปี่ยมไปด้วยผู้คน!! เรานี้รู้สึกพลาดเต็มๆ
หลังจากสามีหายนอย เราคำนวณเวลาแล้ว ก็พิจารณาหาที่แวะเที่ยวเพิ่มเติม เราตัดสินใจจะไป กระท่อมท่านนายพลบนยอดเขา(Tianbo mansion) ทัวร์ไม่พาลงนะจร่ะ จุดนี้เราจะได้เดินเขา แบบจริงจัง และได้เสียวจนขาสั่น
ทางเข้าเดินชิวๆ |
เริ่มเดินขึ้นๆ ลงๆ ขึ้นๆ ลงๆ |
วิวระหว่างทาง เห็นกระเช้าที่พาไปหมู่บ้านอยู่ลิบๆ |
กว่าจะถึงทางเข้ากระท่อมนายพล |
กระท่อมท่านนายพล |
แต่วิธีที่จะไปจากนี้สิ...มันโหดร้ายมากในเวลาที่ขาล้าจนสั่น...มันเป็นบันไดเหล็กชันๆ เกาะขอบเขาขึ้นไป...ในจุดนี้บอกตรงๆ ใจมันบอกว่าพยายามมาขนาดนี้แล้วก็ต้องไปให้จบสินะ...ภาวนาถึงคุณพระคุณเจ้าตลอดเวลา...เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา วิวตรงนี้บอกเลยว่าหาที่ไหนไม่ได้จริงๆ มันสวยมาก สวยมากๆ หุบเขาอวตารดูเล็กลงไปมาก และโลกทั้งโลกช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน...สำหรับใครที่พอมีเวลาและกำลังขา อยากแนะนำให้ขึ้นมา วิวมันเจ๋งสุดๆ ภาพที่ได้มายังไงก็ไม่เท่าตาเห็นจริงๆ
หลังจากหักโหมปีนเขาเสร็จเราก็มาเดินเล่นชิวๆ ที่จุดต่อไป สวนท่านนายพลไป่หลง จุดนี้ก็มีวิวให้ถ่ายรูปได้เยอะคะ นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้เบียดเสียดกันมากมายเหมือนโซนอวตารวิวก็สวยไม่แพ้กันคะ แถมมีอาหารที่คุ้นเคยให้กินเล่นคะ แมคโดนัล^^
เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายในการเที่ยวชมอุทยานจางเจียเจี้ยแล้วคะ เราจะได้นั่งกระเช้าเป็นเวลาประมาณ 45 นาทีเพื่อลงเขาคะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นอะไรที่คุ้มสุดๆ วิวสวยแล้วก็เพลินดีคะ อาจจะรู้สึกเสียวๆ นิดหน่อย แต่นั่งไปเรื่อยๆ ก็ชินและได้ซึมซับกับวิวรอบๆ ตัวอย่างเต็มที่
เรากลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรมและไปขึ้นรถมินิบัสเข้าเมืองจางเจียเจี้ย ถึงจางเจียเจี้ย ออกจากสถานี เดินอีกเล็กน้อยก็ถึงโรงแรมที่จองไว้ เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากในเวปพันธ์ุทิพย์ เนื่องด้วยเจ้าของมีมิตรไมตรีที่ดี พูดภาษาอังกฤษได้ เขาคือ..คุณร็อกกี้ จุดที่ปักหมุดมาในแผนที่คลาดเคลื่อนจากความจริงเล็กน้อยคะเราก็เดินหาอยู่พักนึง เนื่องจากโรงแรมอยู่ในซอยแผนที่ปักหมุดไว้ซอยที่ 2 แต่ของจริงอยู่ซอยที่ 3 เจ้าหน้าที่ที่โรงแรมน่าจะเป็นภรรยาหรือญาติคุณร็อกกี้ เล่าว่า คนไทยมาพักเยอะมากๆ เราก็อยากจะบอกว่าเกินจากการแนะนำต่อๆกันในเวปไซต์ที่เมืองไทย แต่เราก็..ไม่สามารถจะเล่าได้>< ภาษาจีนงูๆปลาๆ จริงๆ ><
ผัดผักร้านคุณร็อคกี้ มันๆเยิ้มๆ หน่อยแต่อร่อยนะ |
หลังจากเอาของเก็บเข้าห้องพัก ลงมาที่ล็อบบี้เจอกลุ่มคนไทยกำลังถามหาร้านอาหาร คุณร็อกกี้ก็ชี้ไปที่ตึกฝั่งตรงข้าม เป็นร้านอาหารของเขาเองเพิ่งเปิด คนไทยกลุ่มนั้นปฏิเสธ คงอยากหาร้านสวยๆ แต่เราอย่างเหนื่อยเลยกินร้านเขานี่แหละ ต่อให้ไปร้านสวยๆ เมนูก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ปรากฏว่า อาหารร้านคุณร็อคกี้ก็อร่อยนะ แกวิ่งไปซื้อปลามาทำให้สดๆ เลย คืนนี้ก็หลับด้วยความอิ่มเอม และเหนื่อยแบบสุดๆ
ลืมบอกคะสำหรับตั๋ว เข้าชมเทียนเหมินซานในวันรุ่งขึ้น คุณร็อกกี้แกก็มีบริการจัดหาให้ในราคาที่ถูกกว่าไปซื้อเองคะ ดังนั้นก็จัดไปคะ พรุ่งนี้ก็เตรียมไปเที่ยวอย่างเดียวเลย^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น