[Trans] 120104 JYJ ผู้ลี้ภัยจากวงการ K-Pop ที่ปฏิเสธที่จะเป็น ‘ทาส’ ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นเช่นไร...

http://daikun.exteen.com/20120123/trans-120104-jyj-k-pop-8216-8217

*หมายเหตุ* ยาวมาก และโปรดใช่วิจารณญาณในการอ่านT/N: โปรดอ่านตรงนี้ก่อนอ่านบทความ (จาก dongbangdata)

หลาย ๆ ส่วนในบทความนี้อาจมีบางคนไม่เห็นด้วยและอาจคิดว่ามันรุนแรง กรุณาจำหมายเหตุนี้ไว้ในการพิจารณาระหว่างที่อ่านบทความนี้:

• บทความนี้ได้เขียนขึ้นจากมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเพียงเท่านั้น นี่ไม่ได้เป็นมุมมองและหรือความเชื่อของผู้แปลโดยตรงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่เห็นด้วยเลยกับบทความนี้ แต่เราอาจไม่ได้เห็นด้วยกับบทความนี้ทุกอย่างเพียงเท่านั้น
• การเอาใส่ใจที่ดีจะนำไปสู่การจดจำเจตนาแรกเริ่มและเสียงของผู้เขียนที่ใช้คำที่ยอดเยี่ยมและคงไว้ซึ่งรูปแบบดั้งเดิม (ฉันจริงจังมาก ฉันเริ่มแปลบทความนี้ตอนประมาณ 5:30 และตอนนี้ก็ 11 โมงแล้ว คำนวณเวลาทางมื้อเย็นและช่วงพักนี้ฉันใช้ออกไป มันใช้เวลาอย่างต่ำ 4 ชั่วโมง)
• ไม่มีการละส่วนใดสำหรับคำแปลต้นฉบับเพราะพวกเราได้บอกไว้เบื้องต้นแล้วว่าความชัดเจนอาจมีผลตามแต่มุมมองส่วนตัวของเรา
• และเหมือนเช่นเดิม อย่าทำร้ายผู้ส่งสารล่ะ

-----------------------------------------------------------------------

[การเดินทางผจญภัยในวงการ K-pop อันยาวนานของอีดงยอน] แฟนคลับที่น่าอัศจรรย์ของ K-pop
- เขียนโดยศาสตราจารย์อีดงยอนจากมหาวิทยาลัยศิลปะและวัฒนธรรมประจำชาติเกาหลี

ความนิยมของ K-pop นั้นมาถึงจุดสูงสุดของมันแล้วในตอนนี้ อย่างเมืองโตเกียว, ปักกิ่ง, กรุงเทพ หรือแม้แต่ปารีส, ลอนดอน และนิวยอร์ก K-pop กำลังเติบโตขึ้นในฐานะเพลงป็อบของโลก การออกอากาศทางโทรทัศน์และสื่ออินเทอร์เน็ตกำลังส่งผลให้ K-pop กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสิ่งที่ยอดเยี่ยมของวัฒนธรรมเกาหลีไปทั่วโลก

ทว่าพวกเรารู้เกี่ยวกับ K-pop จริง ๆ มากสักแค่ไหนกัน?
สภาพแวดล้อมแบบไหนกันที่ทำให้ K-pop เป็นเพลงป็อบที่น่าสนใจของโลก?
เพลง K-pop สร้างขึ้นมาได้อย่างไร และมันถูกใช้อย่างไรบ้าง? K-pop จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนหรือ?

K-pop ที่พวกเรารู้จักไม่ใช่ K-pop ที่แท้จริง นั่นเพราะ K-pop แค่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยเพลงจากเหล่าไอดอลเพียงเท่านั้น อีกอย่าง เพราะภายนอกและภายในของ K-pop นั้นถูกตัดขาดออกจากกัน เพราะแฟนคลับ K-pop ต่างชาติและแฟนเพลงในประเทศมอง K-pop จากมุมมองที่แตกต่างกัน

K-pop เหมือนกับซัมซุงที่กลายเป็นบริษัทระดับโลกด้วยตำนานที่ว่าบริษัทไม่มีสหภาพแรงงานเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่ากลุ่มไอดอลจะกลายเป็นคนดังระดับโลกด้วยการทำงานอย่างหนัก แต่การแสดงอารมณ์สำหรับพวกเขาในการพูดเกี่ยวกับความยากลำบากและความเจ็บปวดของพวกเขานั้นถูกปิดกั้น เหมือนกับซังซุงที่เป็นบริษัทระดับโลกโดยที่ไม่มีสหภาพแรงงาน K-pop คือเพลงป็อบประเภทหนึ่งของโลกที่ไร้ซึ่งอิสรภาพและเป็นการแข่งขันที่ไม่มีวันสิ้นสุด

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่ K-pop กลายเป็นที่นิยมทั่วโลก แต่นั่นเป็นเรื่องที่สื่อกล่าวเกินจริง

ทำไมเป็นเช่นนั้น? เพราะสื่อมีการสมรู้ร่วมคิดกับบริษัทผู้ผลิตในวงการบันเทิง กลุ่มบริษัทชาวเกาหลีกว่า 20 แห่งได้มารวมตัวกันเพื่อทำข่าวคอนเสิร์ต SM Town Live ใน LA ในปี 2010 และแน่นอนว่า SM เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

วันหลังการแสดง บทความสรรเสริญ K-pop จำนวนมากนั้นมาจากผู้สื่อข่าวที่ได้เข้าร่วมคอนเสิร์ตฟรีในครั้งนี้ และขอบคุณในเรื่องนี้ หุ้นของอีซูมาน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ SM ได้เพิ่มขึ้นถึง 6 พันล้านวอนในชั่วพริบตา ปัจจุบันหุ้นของอีซูมานมีมูลค่าอยู่กว่า 2 แสนล้านวอน ในขณะที่หุ้นของยางฮยอนซอกจาก YG Entertainment ที่ได้เปิดเผยเมื่อปีก่อน มีมูลค่าอยู่กว่า 1 แสน 4 หมื่นล้านวอน องค์การการท่องเที่ยวเกาหลีได้ให้ทุนสนับสนุนแก่ SM เป็นจำนวน 300 ล้านวอนสำหรับคอนเสิร์ต 2011 SM Town Live ในปารีส

K-pop มีอิทธิพลต่อตลาดในประเทศ และมุ่งสู่ตลาดโลกเห็นด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากสื่อและภาครัฐ

K-pop เป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่สร้างขึ้นโดยแฟน ๆ ทั่วโลกที่ชื่นชอบเพลงของเหล่าไอดอลที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัย 20 กว่า ๆ มันกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจของโลก ไม่ใช่เพราะ K-pop เป็นที่น่าจดจำจากพรสวรรค์ทางด้านดนตรีเพียงเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะ K-pop เติมเต็มช่องว่างของไอดอลเพลงป็อบในอดีตของตลาดเพลงโลก แนวเพลง K-pop สร้างแนวเพลงเฉพาะตัวขึ้นโดยการคำนึงถึงแนวเพลงป็อบอเมริกันและรวมไปถึงท่าเต้นที่ดูดี และสถานการณ์อันประหลาดและน่าขันได้เกิดขึ้นกับตลาดเพลงที่ไม่เกี่ยวข้องที่ตอนนี้กำลังทำตามอย่าง K-pop บ้าง

ศาสตราจารย์อีดงยอนจากมหาวิทยาลัยศิลปะและวัฒนธรรมประจำชาติเกาหลีเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง Korea Pop Music Awards และคลุกคลีอยู่กับเพลงป็อบเกาหลีด้วยมุมมองที่จริงจังจากงานมากมายอย่างเช่นงานของ ‘ไอดอล’ เขาได้เริ่มต้นเขียนเรื่องเรื่องหนึ่งเพื่ออธิบายถึง K-pop เรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อสืบหาความลับเบื้องหลังทั้งตื้นลึกหนาบาง ทั้งเรื่องดนตรีและสภาพแท้จริงของอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งการการสร้างและบริโภค K-pop เรื่องราว 10 ตอนนี้จะมาพบกับผู้อ่านสัปดาห์ละหนึ่งตอน และประเด็นแรกคือ JYJ ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของ K-pop ในยุคปัจจุบัน



▲ JYJ ได้ทำการฟ้องร้องอันน่าฉงนในเบื้องหลังสัญญาของไอดอลเกาหลีที่ได้ถูกเปรียบเปรยเหมือน ‘สัญญาทาส’ ประเด็นนี้ได้กลับมาสู่สังคมอีกครั้ง


JYJ ถูกเนรเทศ

JYJ เป็นผู้ที่ถูกขับไล่จากวงการ K-pop เขาเป็นผู้ลี้ภัย พวกเขาคือ Homo Sacer ของวงการ K-pop พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่หวาดกลัว จากกฎหมายของโรมัน Homo Sacer หมายถึงผู้ที่ถูกเนรเทศ หรือจะถูกใครฆ่าก็ได้(โดยคนที่ฆ่าไม่มีความผิด) ไม่ก็ถูกตัดออกจากสังคมและถูกยึดสิทธิในฐานะประชากรคนหนึ่งทั้งหมด

ทว่า JYJ ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองหรือเป็นพวกที่น่ารังเกียจของสังคม นับตั้งแต่ที่พวกเขากลายเป็นศิลปินอันดับหนึ่งในวงการ K-pop ที่มีแฟนคลับกลุ่มใหญ่ เราไม่สามารถสรุปได้ว่า JYJ นั้นโชคร้ายเทียบเท่ากับพวกลี้ภัยทางการเมืองที่อยู่อย่างลำบากและโดดเดี่ยวจริงหรือไม่ แต่พวกเขามีลักษณะของผู้ลี้ภัยที่ถูกเนรเทศ เพราะพวกเขาไม่สามารถทำในสิ่งที่พวกเขาปรารถนาในประเทศของพวกเขาได้

ปัจจุบันนี้ JYJ ไม่สามารถปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ได้เหมือนอย่างคนดังส่วนใหญ่ รายการโทรทัศน์ที่พวกเขาได้ไปในฐานะวงนักร้องวงหนึ่งนั้นมีเพียงแค่การออกอากาศการแสดงเฉลิมฉลองในงาน Daegu IAAF World Championships ในเดือนกันยายนปี 2011 เท่านั้น

นับตั้งแต่การจากทงบังชินกิมาเมื่อสองปีก่อน พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มทางการมากมายและมียอดขายสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่พวกเขากลับไม่ได้รับรางวัลในงานประกาศรางวัลเพลงในประเทศเลยแม้แต่รางวัลเดียว

เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริง อัลบั้มสองชุดแรกของพวกเขา ‘The Beginning’ และ ‘In Heaven’ มียอดขายสูงกว่า 350,000 ก๊อบปี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงเวลาซบเซาของตลาดเพลง มันไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้รับการเสนอรายชื่อในงานประกาศรางวัลเพลงของเกาหลี

มองย้อนกลับไปที่ข้อเท็จจริงอีกข้อหนึ่ง JYJ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทูตกิตติมศักดิ์สำหรับ ‘การเสนอให้เกาะเชจูเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก’ ทว่าการแสดงของพวกเขาได้ถูกยกเลิกไปด้วยเหตุผลที่น่าสงสัย และเรื่องที่พวกเขามีตารางงานที่จะไปออกรายการ ‘Music Bank’ ของสถานีโทรทัศน์ KBS ก็ถูกยกเลิกเช่นกัน เราสามารถสรุปได้ว่ามีใครสักคนกำลังขัดขวางกิจกรรมของพวกเขาอย่างจริงจัง หรือไม่ก็อาจเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการร่วมมือกันไม่รับ JYJ เข้าร่วมงาน

แฟน ๆ ของ JYJ กล่าวว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการขัดขวางนี้คือ SM Entertainment อดีตบริษัทต้นสังกัดของ JYJ นั่นเพราะพวกเขาเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าคนที่สามารถหยุดระงับกิจกรรมการออกอากาศในประเทศของ JYJ ได้นั้นมีเพียง SM Entertainment ที่ไม่พอใจในการกระทำของทั้งสามมาตั้งแต่แรกเพียงผู้เดียวเท่านั้น

JYJ ได้เปิดเผยการจัดสรรรายได้ที่ไม่โปร่งใสและสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของพวกเขากับ SM ต่อสาธารณชน
พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และได้ย้ายไปอยู่ที่บริษัทตัวแทนที่ดีกว่า แฟน ๆ ของ JYJ เชื่อว่า SM กำลังขัดขวางกิจกรรมของ JYJ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้ JYJ เห็นผลจากการทรยศต่อ SM และเพื่อเป็นการปลูกฝังความคิดของกลุ่มไอดอลใน SM ณ ปัจจุบันให้อยู่ในโอวาทอย่างเงียบ ๆ

มันดูเหมือนกับวิธีการของพวกกลุ่มมาเฟีย แม้ลมแห่งโชคชะตาจะพัดผ่านมาหาทงบังชินกิและกิจกรรมของพวกเขา วงไอดอลที่ดีที่สุดของบริษัทแห่งนี้ ดูเหมือน SM จะได้ข้อสรุปแล้วว่าพวกเขาสามารถใช้พลังในการผลิตสินค้าและอำนาจในการสั่งการเพื่อดึงเอาเด็กฝึกหัดปัจจุบันของพวกเขาที่กำลังนับวันรอการเดบิวต์ของพวกเขานั้นขึ้นไปแทนในตำแหน่งสูงสุดของทงบังชินกิได้

สำหรับ SM แล้ว ทงบังชินกิคือลูกชายที่แสดงให้ทุกคนเห็นถึงอำนาจของพลังการผลิตสื่อบันเทิงของบริษัท แต่กระนั้น ทงบังชินกิก็เป็นลูกเมียน้อยที่สามารถถูกทิ้งไปเมื่อไหร่ก็ได้


การคาดการณ์ที่ผิดพลาดของ SM

มีอยู่สองเหตุผลที่ว่าทำไม SM จึงเชื่อว่าพวกเขาสามารถทำให้ JYJ ไม่สามารถทำอะไรได้โดยการหยุดกิจกรรมของ JYJ

เหตุผลประการแรก SM เชื่อว่าในฐานะที่พวกเขาเป็นบริษัทผู้ผลิตกลุ่มไอดอล K-pop ที่มีอิทธิพลมากที่สุด พวกเขาจะสามารถขัดขวางการออกโทรทัศน์ของ JYJ ได้ เนื่องจากวัฒนธรรมโดยทั่วไปของ K-pop นั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าสู่วงการโดยไม่ออกโทรทัศน์เลย บทบาทหน้าที่ที่กลุ่มไอดอลของ SM ในการออกอากาศช่องเคเบิลและช่องหลักเป็นหนึ่งในอำนาจการปรากฏตัวที่มีพลังยอดเยี่ยม

สมาชิกจำนวนมากจาก SM ปรากฏตัวในฐานะแขกประจำในรายการเพลง, รายการวาไรตี้ และรายการวิทยุ มากกว่าสมาชิกจากกลุ่มไอดอลวงอื่นที่มาจากบริษัทบันเทิงแห่งอื่น แม้ว่า SM จะไม่ได้ทำการกดดันโดยตรง แต่สถานีออกอากาศไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากเดินเหยียบแก้ว เพราะ SM คือบ้านของแขกประจำที่อยู่ในรายการของพวกเขามากมาย และพวกเขาไม่สามารถพิจารณาการอนุญาตให้ JYJ ปรากฏตัวในรายการของพวกเขาโดยไม่มีการเห็นชอบจาก SM ได้

มีเพียงเหตุผลเดียวที่ JYJ สามารถปรากฏตัวที่สถานีโทรทัศน์ KBS ได้ในช่วงพิธีปิดงาน ’2011 Daegu IAAF World Championships’ นั่นเพราะรายการนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของวงการบันเทิง แม้สถานีออกอากาศจะอ้างว่าพวกเขาไม่สามารถอนุญาตให้ JYJ ขึ้นแสดงได้เพราะเรื่องคดีความของพวกเขากับ SM แต่เหตุผลนี้ไม่มีน้ำหนักมากพอเพราะศาลได้ประกาศคำตัดสินอย่างชัดเจนแล้วว่าสัญญาผูกขาดของ SM กับทงบังชินกินั้นไม่เป็นธรรม นอกจากนั้น เรื่องนี้ยังมีรายงานว่า Fair Trade Commission (FTC – คณะกรรมการการค้าเสรี) ได้รับคำร้องเรียนว่า SM กำลังขัดขวางการทำกิจกรรมของ JYJ และตอนนี้ FTC กำลังทำการเรียกค่าปรับเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านวอน เพราะพวกเขาได้สืบสวนจนพบหลักฐานในเรื่องการขัดขวางกิจกรรมนี้

เหตุผลประการที่สอง SM เชื่อมั่นในข้อสรุปที่ว่า JYJ จะไม่สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงในระบบการจัดการอันเหมาะสมที่เพิ่มขึ้นอีกระดับจากที่พวกเขาเคยมีในตอนที่เป็นทงบังชินกิ ในการที่จะโด่งดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ สิ่งที่กลุ่มไอดอลต้องการไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถ แต่รวมไปถึงระบบการจัดการที่เป็นระบบที่จะดูแลพวกเขา

กลุ่มไอดอลต้องการทีมงานกลุ่มใหญ่สำหรับการผลิตเพลง ออกแบบท่าเต้น การเลือกเสื้อผ้า และการจัดตารางงาน ดูท่าทาง SM นั้นเชื่อว่าในสถานการณ์ที่ (JYJ) ยากต่อการที่จะได้รับการออกอากาศ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ JYJ จะประสบความสำเร็จโดยที่ไม่มีระบบการสนับสนุนอันทรงอิทธิพลจากบริษัท ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นอดีตสมาชิกของทงบังชินกิก็ตาม

ทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจนั่นคือ JYJ กลับอยู่บนแท่นแห่งชัยชนะ หากเปรียบกันแล้ว ทงบังชินกิที่มีสมาชิกสองคนที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก SM นั้นกระตือรือร้นน้อยกว่า JYJ กระทั่งแฟน ๆ ของอดีตทงบังชินกิก็ให้การสนับสนุนกิจกรรมและเหตุผลของ JYJ อย่างเต็มที่ เมื่อทำการเปรียบเทียบอัตราการขายบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต, ความโด่งดังของการแสดง, ยอดขายอัลบั้ม, งานนายแบบโฆษณาและอันดับการค้นหาในอินเทอร์เน็ต มันสามารถสรุปได้ว่าสามสมาชิกจาก JYJ นั้นประสบความสำเร็จมากกว่าสองสมาชิกจากทงบังชินกิ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ได้?



▲ อีซูมาน ประธานบริษัท SM Entertainment คือผู้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของไอดอลป็อบเกาหลี หรือเรื่องราวการประสบความสำเร็จของ K-pop นอกจากนั้นเขายังเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของสัญญาทาสของไอดอลมากมายด้วย


ความหมายของกลุ่มแฟนคลับ

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ SM มองข้ามไปตั้งแต่การขัดแย้งในเรื่องสัญญาอันไม่เป็นธรรมของทงบังชินกิได้เริ่มต้นขึ้นนั้นคือพลังของกลุ่มแฟนคลับ มันดูเหมือนว่า SM เชื่อมั่นว่าเป็นแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลยในเรื่องของกลุ่มแฟนคลับหากพวกเขายังคงให้วงทำงานต่อไปภายใต้ชื่อ ‘ทงบังชินกิ’ แม้จะขาดสมาชิกไปสามคนก็ตาม พวกเขาเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขายังคงรักษาชื่อของทงบังชินกิให้คงอยู่ต่อไปได้ แฟน ๆ ก็จะยังคงให้กำลังใจและสนับสนุนในชื่อนี้

ทว่าการคาดการณ์ของพวกเขากลับผิดพลาด กลุ่มแฟนคลับส่วนใหญ่ของทงบังชินกิเริ่มต้นให้การสนับสนุนกิจกรรมของ JYJ สิ่งที่สำคัญสำหรับแฟน ๆ ไม่ใช่อยู่ที่ชื่อวง แต่เป็นสิ่งที่มีความหมายถึงทงบังชินกิต่างหาก

ด้วยการบิดเบือนความจริงของ SM ที่กล่าวว่าทั้งสามนั้นเกิดความโลภจากการทำธุรกิจส่วนตัว และเรื่องที่สองสมาชิกที่เหลือของทงบังชินกิเขียนข้อความกล่าวตำหนิถึงอีกสามสมาชิก ทำให้กลุ่มแฟนคลับของทงบังชินกิย้ายไปอยู่ฝั่งของ JYJ ในทันที

JYJ คือคำจำกัดความและความจริงในสิ่งที่ทงบังชินกิเป็น แฟน ๆ เชื่อว่าแม้ JYJ จะไม่ได้เรียกตัวพวกเขาว่าทงบังชินกิแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องที่ทงบังชินกิควรจะเดินตามไปในฐานะนักดนตรีภายใต้ชื่อวงใหม่เพียงเท่านั้น

แล้วอะไรคือสิ่งที่กลุ่มแฟนคลับของ JYJ ยึดมั่น?

แฟน ๆ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเป็นคนที่คอยปกป้องศิลปินอันเป็นที่รักของพวกเขา แฟน ๆ อาจถูกมองว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัวได้ในจุดนี้ การกระทำของกลุ่มแฟนคลับพิเศษพอกับการที่พวกเขาสามารถปกป้องศิลปินของพวกเขาไว้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่กลุ่มแฟนคลับต้องการที่จะแยกเอาศิลปินโปรดของพวกเขาออกจากบริษัทผู้ผลิตที่ทำให้ศิลปินเหล่านั้นเป็นอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ในตอนนี้เสีย แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่คนดังสามารถทำงานในวงการได้อย่างคล่องแคล่วเพราะบริษัทผู้ผลิตของพวกเขา แต่กลุ่มแฟนคลับเชื่อว่าศิลปินของพวกเขาจะไม่สูญหายไปเพียงเพราะพวกเขาไม่มีบริษัทผู้ผลิตแห่งนั้นแล้ว

สำหรับกลุ่มแฟนคลับ บริษัทผู้ผลิตคืออสูรร้ายตัวสำคัญและเป็นความจริงอันน่าเจ็บปวด แม้ว่าศิลปินคนโปรดของพวกเขาจำเป็นต้องมีบริษัทผู้ผลิตที่ทรงอิทธิพลเพื่อการประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาไม่ต้องการที่จะเห็นศิลปินของพวกเขาตกอยู่ภายใต้การควบคุมอันเข้มงวดของบริษัทเหล่านี้ที่ได้รับอำนาจและเงินทองจากเงินลงทุนของแฟน ๆ

นอกจากนั้น หากสัญญาของศิลปินคนโปรดของพวกเขาไม่เป็นธรรม หากตารางงานศิลปินอัดแน่นจนอาจตายได้ และหากพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่เท่าเทียมล่ะก็ บริษัทผู้ผลิตไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกลายเป็นศัตรูของกลุ่มแฟนคลับ

กลุ่มแฟนคลับสงสัยในตัว SM บริษัทผู้ผลิตของทงบังชินกิ มาหลายปีแล้ว ความขัดแย้งในอดีตของ HOT และชินฮวากับทาง SM ในเรื่องสัญญาผูกขาดที่ไม่เป็นธรรมยังอยู่ในใจของพวกเขา แฟน ๆ กลัวว่าทงบังชินกิอาจประสบปัญหาในตอนที่พวกเขาโด่งดังจนถึงขีดสุดไปจนถึงเรื่องสัญญาอันไม่เป็นธรรมของพวกเขา

เมื่อสิ่งที่หวาดกลัวนั้นกลายเป็นความจริง กลุ่มแฟนคลับของทงบังชินกิได้เลือกข้างโดยตัดสินใจตั้งชื่อแฟนคลับขึ้นใหม่ พวกเขาตั้งชื่อกลุ่มสนับสนุนสามสมาชิกจากทงบังชินกิและประกาศทำสงครามกับ SM พวกเขาได้ใช้เหตุผลที่มีรายละเอียดมากและหลักฐานที่มีน้ำหนักในการอธิบายว่าทำไมสัญญาของทงบังชินกินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำไมสมาชิกถึงไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่เท่าเทียม และทำไม SM จึงไม่เปิดเผยยอดกำไรที่แท้จริงจากกิจกรรมในญี่ปุ่นของทงบังชินกิ เป็นการสร้างมุมมองทางบวกของสาธารณชนได้อย่างประสบความสำเร็จ

อีกอย่างหนึ่ง พวกเขาได้ทำการประกาศยื่นคำร้องต่อ FTC ในเรื่องสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของทงบังชินกิ และในตอนที่การออกสื่อของ JYJ ถูกขัดขวาง ก็ได้มีการยื่นคำร้องอีกครั้งซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความคลางแคลงของกลุ่มแฟนคลับในเรื่องที่ SM อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แฟนคลับไม่เกรงกลัวที่จะเปลี่ยนจากกลุ่มแฟนคลับของทงบังชินกิไปเป็นกลุ่มแฟนคลับของ JYJ นอกจากนั้น พวกเขายังได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อทำการโฆษณาสนับสนุน JYJ ภายใต้คติ “We Support Your Youth (พวกเราสนับสนุนการเริ่มต้นของคุณ)”

เพื่อเป็นการยืนยันต่อต้านในเรื่องที่ JYJ ไม่สามารถปรากฏตัวทางโทรทัศน์ได้ เหล่าแฟนคลับได้สร้างโฆษณาเสียดสีอย่าง ‘คุณอยากร้องเพลงบนโทรทัศน์หรือ? คุณกล้าดียังไงกัน?’ และ ‘101 วิธี นำ JYJ สู่โทรทัศน์’ ในขณะที่ JYJ กำลังใช้ชีวิตอย่างผู้ลี้ภัย เพื่อนร่วมชาติของพวกเขากำลังสร้างกลุ่มคนขึ้นมาใหม่


จุดกำเนิดแห่งความสุขและความปรารถนาอันเป็นอิสระ

แล้ว JYJ ที่เป็นผู้ลี้ภัยจากวงการ K-pop มีความสุขไหม? แน่นอนว่าพวกเขามีความสุข พวกเขามีความสุขเพราะสิ่งที่แฟน ๆ ของพวกเขาเชื่อมั่น จุดกำเนิดแห่งความสุขของ JYJ สามารถปรากฏได้จากการประสบความสำเร็จในด้านการค้าที่ต่างประเทศ

นับตั้งแต่การเดบิวต์อย่างเป็นทางการในปี 2010 JYJ ประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับตอนที่พวกเขาเป็นทงบังชินกิ พวกเขาขายอัลบั้มทั้งสองชุด, ซิงเกิ้ลเดี่ยว, อัลบั้มเพลงประกอบซีรีส์ และอัลบัมคอนเสิร์ตรวมทั้งสิ้นได้อย่างน้อย 1.2 ล้านชุด พวกเขาได้ปรากฏตัวในโฆษณากว่า 10 โฆษณา ซึ่งมีโฆษณาของ Lotte Duty Free รวมอยู่ด้วย และพวกเขาไม่เพียงแต่มีการปล่อยโฟโต้บุ๊ค เรียงความ และ DVD เท่านั้น แต่สมาชิกทั้งสามได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ ละครเวที และละครมากมาย รวมถึงการทัวร์คอนเสิร์ตในญี่ปุ่น การแสดงโชว์เคสทั่วโลกในปี 2010 และการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกปี 2011 ของพวกเขา พวกเขาได้จัดการแสดงรวมทั้งสิ้น 33 รอบ ด้วยจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด 550,000 คน JYJ ได้รับรายได้/มูลค่ามากกว่าตอนที่พวกเขาเป็นสมาชิกของทงบังชินกิ และได้รับชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าสองสมาชิกจากทงบังชินกิ

ทว่าเหตุผลที่แท้จริงเกี่ยวกับสาเหตุที่ JYJ มีความสุขกับการอยู่กับความจริงที่ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมอันเป็นอิสระที่ควบคุมพวกเขาและปล่อยให้พวกเขาเลือกทำกิจกรรมของพวกเขาเอง พวกเขาแทบจะไม่ต้องรอบริษัทตัวแทนมาบอกว่าพวกเขาต้องทำอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับอิสระที่จะเลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตัวของพวกเขาเองกลับคืนมา และนี่คือจุดกำเนิดแห่งความสุขที่แท้จริงของพวกเขา

ปัจจุบัน JYJ ไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดใด และได้เซ็นสัญญากับบริษัทตัวแทนอย่าง C-JeS Entertainment มอบงานให้กับทางบริษัทคือการทำให้วงของพวกเขาก้าวเดินต่อไปได้ ความแตกต่างจากช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในฐานะทงบังชินกิเมื่อพวกเขาได้รับตารางงานจาก SM นั่นคือพวกเขาถูกควบคุมทุกอย่างต่อสิ่งที่พวกเขาต้องทำ ตอนนี้พวกเขาได้สร้างผลงานเพลงเป็นของตัวเองและแสดงออกถึงความปรารถนาของพวกเขาที่อยากถูกเรียกว่าเป็นศิลปิน ตอนนี้พวกเขามีสิทธิที่จะตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างการจัดการคอนเสิร์ต การแสดงในฐานะกลุ่มนักร้องกลุ่มหนึ่งและการปล่อยอัลบั้ม โดยที่ไม่ต้องเดินเหยียบย่ำอยู่บนเศษแก้วหรือได้รับการอนุมัติใด ๆ

ถึงแม้ JYJ จะกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่ต้องเลิกจากการเป็นสมาชิกของทงบังชินกิ แต่พวกเขานั้นได้รับสิทธิที่จะทำการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ เป็นของตัวเอง พวกเขาได้ทิ้งชื่อเดิมและสิทธิผูกขาดของพวกเขาไป แต่ได้รับอิสระที่จะคิดและแสดงออกได้อย่างที่พวกเขาพึงพอใจ นี่ไม่ใช่ความฝันที่นักดนตรี K-pop ทั้งหลายควรจะมีหรือ?



▲ ทงบังชินกิที่ครั้งหนึ่งได้ปล่อยเพลงที่มีคำติเตียนต่อต้านสมาชิก JYJ


การกลับมารวมตัวในฐานะทงบังชินกิอีกครั้ง?

ทงบังชินกิที่ได้รับการยกย่องในฐานะวงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประวัติศาสตร์วงไอดอลเกาหลี ตอนนี้ได้แยกออกเป็นทงบังชินกิและ JYJ การแบ่งที่แสนเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพนั้นช่วยอะไรไม่ได้เลยนอกจากจะเป็นความโชคร้ายและโศกนาฏกรรมสำหรับแฟน ๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องดีที่สุดหากสมาชิกทั้งห้าคนออกจาก SM และทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเป็นอิสระเหมือนอย่างชินฮวา ความสนใจส่วนตัวและความไม่เข้าใจกันที่พันกันยุ่งเหยิง นำพาให้เกิดการแบ่งแยกของทงบังชินกิ

แฟน ๆ ของอดีตทงบังชินกิและแม้แต่แฟน ๆ ปัจจุบันของ JYJ ทั้งหมดนั้นเฝ้าฝันให้มีการกลับมารวมวงใหม่อีกสักครั้ง คือให้ทำการยกเลิกสัญญาของสองสมาชิกที่ยังอยู่ ทิ้ง SM ไปและกลับมารวมตัวกันใหม่กันอีกสามสมาชิกในฐานะทงบังชินกิ ที่เป็นเช่นนี้เพราะมันแทบจะไม่มีโอกาสสำหรับ JYJ ในการที่จะกลับไปที่ SM อีกเพราะพวกเขาไม่ได้มีชื่อ ‘ทงบังชินกิ’ เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้น สองสมาชิกของทงบังชินกิจะสามารถไปจาก SM ได้ไหม? และพวกเขาจะสามารถใช้พลังของพวกเขาภายใต้ชื่อทงบังชินกิได้อีกครั้งหรือไม่?

นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่สุด ตราบใดที่ SM ไม่ยกเลิกสัญญาทางการค้าของพวกเขากับ ‘ทงบังชินกิ’ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งภายใต้ชื่อ ‘ทงบังชินกิ’ มันมีความเป็นไปได้ไม่มากนักสำหรับยูโนว์ยุนโฮและชเวกังชางมิน สมาชิกของทงบังชินกิที่ได้ตัดสินใจที่จะอยู่ที่ SM ต่อไปและได้ทำงานจนถึงตอนนี้ในฐานะวงที่มีสมาชิกสองคน ในการที่จะทำตามความคิดที่พวกเขาต้องมีอยู่ครั้งหนึ่งในการที่จะออกไปจาก SM แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใช้ชื่อ ‘ทงบังชินกิ’ ได้อีก

เหลือเพียงสองหนทางที่เป็นไปได้สำหรับการที่สมาชิกทั้งห้าคนจะกลับมารวมตัวด้วยกันในฐานะทงบังชินกิอีกครั้ง

หนึ่งคือยอมรับความเป็นจริงเรื่องสองสมาชิกของทงบังชินกิและสามสมาชิกของ JYJ แต่จดจำไว้ในใจว่า JYJ คือสมาชิกของทงบังชินกิ นี่เป็นการมอบอภนาจและพลังที่แท้จริงให้กับสามสมาชิกของ JYJ เบื้องหลังชื่อ ‘ทงบังชินกิ’ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใช้ชื่อนี้ได้และสองสมาชิกของทงบังชินกิจะยังอยู่ที่ SM ก็ตาม สรุปคือ นี่เป็นการยอมรับความจริงที่ชื่อทงบังชินกิและความพึงพอใจที่จะใช้ชื่อนั้นมันไม่เหมาะสมต่อกัน ในกรณีนี้ JYJ จะยังคงต้องหยุดการเป็นสมาชิกของทงบังชินกิแต่เดิมของพวกเขา แต่จะใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัยที่ได้รับชื่อเสียงและอำนาจจากแฟน ๆ

หนทางที่สองนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ลองวาดภาพที่สองสมาชิกที่เหลือของทงบังชินกิออกจาก SM และมารวมกลุ่มกับ JYJ สิ แม้ในกรณีนี้พวกเขาจะไม่สามารถทำการแสดงภายใต้ชื่อ ‘ทงบังชินกิ’ ได้ แต่พวกเขาจะได้รับอัตลักษณ์ในฐานะสมาชิกของทงบังชินกิของพวกเขากลับคืนมา มันจะเป็นเช่นนี้เพราะสมาชิกทั้งห้าคนของทงบังชินกิเลือกที่จะหยีไปด้วยกัน ชื่อวงนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกค่อไป พวกเขาสามารถใช้ชื่อว่า JYJYC หรือ YCJYJ ก็ได้

ถึงแม้ว่าจะมีความไม่เข้าใจและการเป็นศัตรูต่อกันในอดีต แต่แฟน ๆ ก็ปรารถนาให้หนทางนี้เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะไม่สามารถเรียกสมาชิกทั้งห้าคนว่าทงบังชินกิได้ และต้องเรียกพวกเขาด้วยชื่อใหม่ของผู้ถูกเนรเทศ ตราบใดที่พวกเขาทั้งห้าคนอยู่ด้วยกัน มันจะไม่เป็นไร




Source:: [Pressian]
English Translated & Shared:: dongbangdata.net
Thai Trans:: daikun@exteen (@DN_LoveR)

PLEASE TAKE OUT WITH FULL CREDIT
กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น