วันต่อมาเบคโดฮยองพาดาเฮไปยังสถานที่ที่จะก่อสร้างรีสอร์ท เบคโดฮยองถามดาเฮถึงสิ่งที่ยังคาใจ
“เมื่อวานเธอมาสาย เธอไปที่ไหนมาเหรอ รองเท้าเปื้อนโคลนเต็มไปหมด มีที่ไหนในโซลที่จะมีแต่ดินโคลน”
“ที่ๆ ฉันไปต้องผ่านสนามเด็กเล่นนะคะ”จูดาเฮมีไหวพริบดีพอที่จะแก้ตัวได้อย่างแนบเนียน
สถานที่ที่เบคโดฮยองจะทำการก่อสร้างรีสอร์ทนั้นคือภูเขาที่ดาเฮและฮาริว ฝังร่างของพ่อของดาเฮเอาไว้ เบคโดฮยองว่าการที่จะก่อสร้างได้ต้องตัดภูเขาลูกนั้นและเอาต้องเผชิญหน้ากับพวกกลุ่มปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ดาเฮไม่ได้จดจ่อกับเรื่องรีสอร์ทมากนัก ในตอนกลับคอนโดดาเฮคิดมากเรื่องศพและภูเขาลูกนั้นจนเป็นลมล้มพับไปตรงทางเข้าซึ่งเบคโดฮุนมาเห็นพอดี เขาพาเธอขึ้นไปพัก และโทรศัพท์กลับไปต่อว่าพี่สาวที่ใช้งานดาเฮจนเป็นลม
เบคโดฮยองไปดูม้าตัวใหม่ที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง เธอขี่ม้าออกนอกฟาร์มไป
ฮาริวไปสมัครงานที่ฟาร์มเลี้ยงม้า เขาพบเบคโดฮยองกำลังมีปัญหาเมื่อม้าที่เธอขี่ออกมากำลังพยศ เขาเข้าไปช่วยไว้ทำให้รู้ว่าเกือกม้ามีปัญหาทำให้เท้าม้าเป็นแผล
“คิดว่าเกือกอันนี้คงต้องเปลี่ยนแล้วนะครับ และคุณควรจะจูงมันกลับอย่าขี่มันกลับเลยดีกว่า”
ฮาริวไปสมัครงานที่ฟาร์มเลี้ยงม้าแต่ไม่มีตำแหน่งว่างสำหรับเขาเลย เบคโดฮยองรู้สึกขอบคุณกับความช่วยเหลือของเขา จึงให้นามบัตรแนะนำให้เขาไปสมัครที่ฟาร์มม้าอีกที่หนึ่ง
ฮาริวดีใจที่ได้งานที่สามารถเดินทางจากบ้านไปทำได้ อึนบยอลยังคงเขียนจดหมายถึงแม่
ทางด้านดาเฮเธอคิดถึงทางออกของปัญหาของเธอได้จึงติดต่อไปยังกลุ่มรักษาสิ่งแวดล้อม เธอได้พบกับซองซูจองเจ้าหน้าที่ขององค์กร ในวันงานเลี้ยงของบริษัท ดาเฮได้ความช่วยเหลือจากหัวหน้ายัม ปล่อยให้ซองซูจองเข้างานเลี้ยงได้ และเมื่อมีโอกาส ซองซูจองจึงได้พูดเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมต่อหน้าเบคจางฮักและคนอื่นๆในงานเลี้ยง จากเหตุการณ์วันนั้นทำให้เบคจางฮักคิดจะระงับการก่อสร้าง เบคโดฮยองโมโหมากและรู้จากหัวหน้ายัมว่าจูดาเฮเป็นคนบอกเธอให้ปล่อยซองซูจองเข้าร่วมงาน
ในตอนเย็น เบคโดฮยองพบดาเฮที่บ้านและต่อว่าจูดาเฮอย่างรุนแรง แต่ดาเฮอ้างว่าเธอทำเพื่อบริษัท ในตอนที่เบคโดฮุน มาเห็นเธอแกล้งทำถาดอาหารในมือหล่น เบคโดฮุนโมโหพี่สาวมาก เบคโดฮยองไล่ให้ดาเฮกลับไป
“เธอไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว”
ดาเฮยังคงทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยและกล่าวขอโทษเบคโดฮยอง
เบคโดฮุนปกป้องดาเฮทุกทางต่อว่าพี่สาวที่แกล้งให้ดาเฮทำความสะอาดคอกม้า “พี่เป็นคนใจแคบแบบนี้เองนะเหรอ ..ผมผิดหวังในตัวพี่จริงๆ”
ซองซูจอง(เป็นคนในองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อนสนิทกับชาแจวุง) สืบรู้ว่าเด็กชายที่มีรูปถ่ายแบบเดียวกับชาแจวุงอาศัยอยู่กับฮงอาชิม เธอไปหาฮงอาชิมที่ร้านแต่สวนกันเมื่อฮงอาชิมกลับไปกับแทคเบแล้ว
เบคโดฮุนห่างเหินจากเบคโดฮยองมากขึ้นเพราะไม่พอใจที่ดาเฮเหมือนถูกแกล้งและใช้งานหนัก เบคจีมีบอกเขาว่ายิ่งเขาทำแบบนี้จะยิ่งทำให้พวกเขาไม่ลงรอยกันมากขึ้น
เบคโดฮุนไปหาเบคโดฮยองที่ฟาร์มม้า เขาชนกับฮาริวจนฮาริวล้มลง ฮาริวเห็นเขากำลังมองหาใครบางคนจึงถามขึ้น และบอกว่าเขาเป็นพนักงานใหม่จึงไม่รู้จักเบคโดฮยอง เบคโดฮุนจึงบอกว่าคนที่เป็นเจ้าของม้าชื่อลิซ่า
“อ่อ เธอกลับไปแล้วนี่ครับ”
เบคโดฮ่ยองบอกพ่อว่าเธอจะดำเนินการก่อสร้างต่อไปและหากงานนี้ไม่สำเร็จเธอจะลาออก
“แกมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เมืองขี่ม้า หรือว่า..จูดาเฮ”เบคจางฮักถามลูกสาว “ถึงกับเอาตำแหน่งเป็นประกัน จะทำอะไรก็ทำเถอะ”
เมื่อจูดาเฮหยุดการก่อสร้างไม่ได้ เธอคิดจะขอความช่วยเหลือจากฮาริว เธอไปหาฮาริวที่บ้าน เห็นอึนบยอลเล่นอยู่ที่สนาม แต่เธอแค่เพียงแอบมองอยู่ที่นอกรั้วเท่านั้น
จูดาเฮรอพบฮาริวจนมืดค่ำ เธอเอาอึนบยอลมาอ้างว่าเธอจะถูกจับไม่ได้
“อึนบยอลฉันเลี้ยงด้วยตัวเองมา 2 ปี เธออย่ามาเอาอึนบยอลมาอ้าง”
“จากนี้ไปฉันจะเลี้ยงลูกเอง ลูกจะได้แต่งตัวสวยๆ เรียนสูงๆ และไม่มีใครมาชี้หน้าด่าลูก”
ฮาริวไม่ตอบอะไรมากและเดินจากมาอย่างไม่มีเยื่อใย
“ฮาริว...พี่ฮาริววว!!”
เมื่อหมดหนทางดาเฮคิดขอความช่วยเหลือจากเบคจีมี แม้เบคจีมีจะไม่บอกว่าจะอยู่ข้างใคร
“คนที่มีอิทธิพลต่อเบคโดฮยองก็มีแต่เบคโดฮุน และคนที่มีผลกับเบคโดฮุนก็คือเธอ..จูดาเฮ”
จูดาเฮไม่ไปทำงานและปิดมือถือ เบคโดฮุนมาหาเธอที่คอนโด ตอนนั้นจูดาเฮกำลังเก็บเสื้อผ้าและทำทีจะย้ายไปจากที่นี่
เบคโดฮยองลืมของไว้ที่ฟาร์มม้า ฮาริวที่ต้องกลับบ้านที่โซลอยู่แล้วจึงอาสาเอาไปคืนให้
ค่ำวันนั้นเบคโดฮุนนัดกินข้าวเย็นกับเบคโดฮยอง เมื่อเห็นว่าจูดาเฮมาด้วย เธอก็อารมณ์เสีย
“ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ก็ควรจะนัดกันแค่สองคนสิ”
จูดาเฮรู้ตัวเธอจึงทำทีเลี่ยงออกมา เบคโดฮุนไม่สบายใจจริงๆ
“พี่รู้มั้ยสำหรับผม พี่เปรียบเสมือนแม่ที่ผมไม่เคยมี ส่วนดาเฮเหมือนเป็นพี่สาวผม ผมไม่อยากเสียใครคนหนึ่งไป”
แม้ว่าเบคโดฮุนจะสั่งอาหารไว้แล้วแต่เบคโดฮยองยังทำใจไม่ได้ที่จะร่วมโต๊ะอาหารกับจูดาเฮ เบคโดฮุนจึงขอตัวกลับก่อน
“นูน่า..ผมรักพี่นะครับ”
เบคโดฮุนเจอกับฮาริวที่หน้าร้านอาหารพอดี ทั้งสองทักทายกัน ฮาริวว่าเขาเอาของมาคืนให้เบคโดฮยอง
“เข้าไปสิ พี่สาวผมอยู่ในนั้น่”
ฮาริวเอาของให้เบคโดฮยอง เธอชวนเข้าทานด้วยอย่างไม่ได้คิดอะไร และถือเป็นการขอบคุณเขา แม้มันจะอึดอัดอยู่บ้างแต่ฮาริวก็ทานอาหารร่วมกับเธอ
วันต่อมาเบคโดฮยองกำลังตัดสินใจเรื่องจะยกเลิกการก่อสร้างรีสอร์ท และหันมาทำโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผู้จัดการคิมที่ดูแลงานที่ภูเขารายงานว่าศพที่ขุดพบนั้นดูเหมือนจะเป็นการถูกนำมาแอบฝังไว้ เบคโดฮยองสั่งให้ปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด
มีการสอบสวนกันขึ้น ตำรวจเชิญคนในครอบครัวผู้ตายไปสอบสวน รวมไปถึงจูดาเฮด้วย จูดาเฮได้พบกับจูยางฮยุนอีกครั้ง ตำรวจพบโทรศัพท์มือถือของฮาริว และพลั่วที่มีลายมือของฮาริวตกอยู่แถวนั้น (ฮาริวทิ้งพลั่วไว้เมื่อตอนพาดาเฮมาขุดศพคราวก่อน) จูดาเฮไม่ได้กล่าวอะไร หลักฐานทั้งหมดจึงพุ่งไปที่ฮาริว
ซองซูจอง(เป็นคนในองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อนสนิทกับชาแจวุง) สืบรู้ว่าเด็กชายที่มีรูปถ่ายแบบเดียวกับชาแจวุงอาศัยอยู่กับฮงอาชิม เธอไปหาฮงอาชิมที่ร้านแต่สวนกันเมื่อฮงอาชิมกลับไปกับแทคเบแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น