World Invasion: Battle Los Angeles (2011)

เป็นหนังที่อยากช่วยโปรโมทมาก ได้ดูด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ดูแล้วต้องโปรโมท มันสนุกและลงตัวดีใช้ได้สำหรับหนัง แอ็คชั่น ไซไฟ ที่เน้นไปในลักษณะการสู้รบแบบทหาร
สำหรับเรื่องนี้ไม่ขอวิจารณ์เอง ขออนุญาต นำคำวิจารณ์มาจาก
 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=branelay&month=17-04-2011&group=6&gblog=132



World Invasion: Battle Los Angeles




ผู้กำกับ 'โจนาธาน ไลเบสแมน' ถือเป็นผู้กำกับอายุน้อยที่แจ้งเกิดได้ด้วยอายุยังไม่ถึง 30 จาก The Texas Chainsaw Massacre (2006) และจากความกระตือรือร้นของเขาเอง ที่สนใจกำกับหนังแอ็คชั่นไซไฟโปรเจ็คยักษ์เรื่องนี้ จนทำฟุตเตจสั้นๆไปเสนอวิศัยทัศน์แก่ทีมผู้สร้าง ทำให้เหล่าผู้สร้างวางใจนำตัวผู้กำกับไฟแรงคนนี้มาทำหน้าที่ หนังเลือกนักแสดงเกรดรองอย่าง 'แอรอน เอ็คฮาร์ด' มารับบทนำในบทจ่าสิบตรีผู้มีประสบการณ์โชกโชน ไมเคิ่ล แนนซ์ ซึ่งเขาจะทำหน้าที่นำทัพนาวิกโยธินไปรับมือกับผู้รุกรานจากต่างดาว แต่กลับพบปัญหาเมื่อลูกทีมหลายคนของเขา รู้เรื่องในอดีตที่เขาทำผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิตมาแล้วหลายคน ทำให้การรับมือกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวยิ่งยากขึ้นไปอีก

หนังมีส่วนผสมระหว่างหนังแอ็คชั่นสงครามยิงสนั่นเมืองอย่าง Black Hawk Down (2001) และหนังยานเอเลี่ยนบุกโลกอย่าง Independence Day (1996) แม้ทำได้ดีไม่เท่าสองเรื่องข้างต้น แต่ก็จัดว่าน่าพอใจสำหรับหนังไซไฟเน้นแอ็คชั่นเป็นหลัก แน่นอนว่าคนดูต้องทิ้งความคาดหวังเรื่องความสลับซับซ้อนของบท หรือความหวือหวาแหวกแนวไปก่อน เพราะเรื่องราวเป็นไปตามสูตรอเมริกันฮีโร่ ที่ทำให้เลือดรักชาติพลุ่งพล่านไปพร้อมกับการให้กำลังใจตัวละคร สิ่งที่หลงเหลือเมื่อหักลบบทหนังซ้ำเดิมออกไป คือความสนุกสะใจคอหนังแอ็คชั่นที่เพียบพร้อมทั้งฉากระเบิดตูมตาม, ฉากรัวปืนกล และฉากวิ่งสู้ฟัดอัดเอเลี่ยน อย่างไรก็ตาม ฉากแอ็คชั่นเหล่านี้สร้างความสนุกสนานสะใจได้จริง แต่กลับไม่ค่อยได้ความตื่นเต้นลุ้นระทึก อาจเพราะเหล่านาวิกโยธินแต่ละคนไม่ค่อยมีมิติด้านอารมณ์ ทำให้คนดูไม่สนใจว่าตัวละครใดจะตายหรือไม่ สถานการณ์ที่พยายามสร้างความน่าอึดอัดระหว่างความเป็นความตายของตัวละคร จึงไม่ทำให้คนดูลุ้นตามเท่าใดนัก

ต้องชมฝ่ายกำกับภาพและกำกับเสียง ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้เรื่องราวได้มาก จากการใช้กล้องแบบแฮนด์เฮลซึ่งเพิ่มความสมจริง และดึงคนดูเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนเทคนิคการใช้เสียงจากการรัวปืนและระเบิดหลายสิบลูก ก็สร้างบรรยากาศสงครามปกป้องแผ่นดินได้เป็นอย่างดี ทีมนักแสดงในเรื่องทำหน้าที่ได้ดี แม้ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถในซีนอารมณ์มากนัก แต่ก็ดูเข้มแข็ง น่าเชื่อถือในฉากสู้รบ แม้สุดท้าย World Invasion: Battle Los Angeles จะขาดความสดใหม่จนถึงขั้นซ้ำซาก แต่หนังก็ตอบโจทย์ความเป็นหนังแอ็คชั่นได้ครบถ้วน ตอบสนองคอหนังแอ็คชั่นทุกเพศทุกวัยได้เต็มที่





และที่อยากจะพูดถึงเป็นการส่วนตัวคือนักแสดงนำ หรือพระเอกของเรานี่เอง รับบทโดย แอรอน เอ็คฮาร์ท เราไม่ค่อยได้เห็นเขาผู้นี้ในหนังสไตล์นี้ อยากจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ 



ยังไงหนังก็ออกจากโรงมานานแล้วใครยังไม่ได้ดูเราสนับสนุนให้ไปหามาดูเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น